บทความนี้เป็นบทความเก่า ไม่สามารถใช้อ้างอิงได้ครับ
บทความใหม่ของปี 2012 จะยังไม่ออกเพราะต้องรออัพเดทจากสท. แต่ปกติแล้วขั้นตอนจะไม่ต่างกับปี 2011 มาก
สำหรับบทความของปี 2011 สามารถเข้าไปอ่านได้ในนี้ครับ
ขั้นตอนการสมัคร WAH 2011 (Online)
ขั้นตอนการยื่นวีซ่า WAH 2011
ส่วนบทความแนะนำการเตรียมตัวของปี 2012 สามารถเข้าไปอ่านได้ในนี้ครับ
การเตรียมตัว WAH 2012
สำหรับขั้นตอนของปี 2012 ผมจะอัพเดทให้ในลิงค์ของ 2011 เองอีกที ดังนั้นอ้างอิงจากลิงค์นั้นได้เลยครับ :)
ขั้นตอนการขอหนังสือรับรองจากสท. (WAH 2010)
zgamez : บทความนี้เป็นบทความอัพเดทจากบทความ ขั้นตอนการขอหนังสือรับรองจากสท. (WAH 2009) ครับ
คุณสมบัติผู้สมัคร
1. มีสัญชาติไทยและอาศัยอยู่ในประเทศไทย ณ วันสมัคร
2. อายุระหว่าง 18 – 30 ปี แต่ถ้ายังไม่ถึง 31 ปีในวันที่ยื่นวีซ่าก็สามารถสมัครได้ครับ
3. จบการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป
4. ต้องเดินทางคนเดียว ไม่มีผู้ถือวีซ่าติดตาม
- สำหรับวีซ่าของออสเตรเลีย วีซ่าติดตามหมายถึง การที่วีซ่าตัวเดียวมีผู้ถือมากกว่าหนึ่งคน โดยคนนึงจะเป็น Visa Holder อีกคนจะถือ Dependent Visa
ไม่เกี่ยวกับวีซ่านี้แต่เอาตัวอย่างการขอวีซ่าติดตามนักเรียน มาให้ดูนิดหน่วยว่าต้องเตรียมตัวกันยังไงเผื่อมีคู่ไหนสนใจครับ
5. มีความประพฤติและสุขภาพดี
6. มีประกันสุขภาพครอบคลุมตลอดระยะเวลาที่อยู่ในประเทศออสเตรเลีย
7. ไม่เคยเดินทางเข้าออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday (462) หรือ Working Holiday (417) มาก่อน
คุณสมบัติคร่าวๆไม่ยากอะไร เมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าเรามีคุณสมบัติเบื้องต้นเพียงพบกับการสมัครวีซ่าตัว นี้ เรามาดูขั้นตอนการเตรียมเอกสารกันดีกว่าครับ
การเตรียมเอกสาร
แบ่งเป็นสองขั้นตอนหลักๆได้แก่
การขอใบรับรองจาก สท. และ การยื่นวีซ่า โดยเอกสารในสองขั้นตอนนี้จะต่างกันในรายละเอียด
การจะไปยื่นวีซ่าได้จะต้องได้ใบรับรองจากสท.ก่อน ไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีสิทธิ์ไปยื่นวีซ่า
อย่าง ไรก็ตามการได้ใบรับรองจากสท.ไม่ได้แปลว่าเราจะได้วีซ่านะครับ เนื่องจากใบรับรองเป็นเหมือนเอกสารชิ้นหนึ่งที่ต้องส่งไปด้วยเท่านั้นเอง การพิจารณาวีซ่ายังเป็นหน้าที่ของทางสถานทูตที่จะดูว่าหลักฐานอื่นๆเราเป็น อย่างไร ควรจะให้ผ่านหรือไม่
สิ่งที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดสำหรับปีนี้คือการที่สท.จะออกใบรับรองให้ตามจำนวนโควต้านั่นก็คือ 500 ใบครับ
การเตรียมเอกสารเพื่อขอใบรับรองจาก สท.
สิ่งที่สท.ต้องการให้ผู้สนใจโครงการเตรียมไว้เพื่อขอใบรับรองมีด้วยกัน 11 รายการได้แก่
1. ปริญญาบัตร/ ใบรับรองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีพร้อมสำเนา 1 ชุด (อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือถ้ามีทั้งสองอย่างได้เลยก็ดี)
2. ใบรายงานผลการศึกษา (Transcript) พร้อมสำเนา 1 ชุด
3. หนังสือเดินทาง (พร้อมสำเนา) – อายุเหลือไม่ต่ำกว่าหกเดือน
4. ทะเบียนบ้าน (พร้อมสำเนา)
5. หลักฐานที่บ่งบอกถึงระดับความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของเรา
อธิบายให้ฟังกันนิดนึงครับว่าไม่ต้องไปกังวลมากเค้าอยากให้เราได้ภาษาแบบใช้ สื่อสารได้ก็พอ โดยหลักฐานที่ทางสท.ขอมาได้แก่อย่างใดอย่างหนึ่งจากลิสต์ต่อไปนี้ครับ
1) ผลการสอบ IELTS Overall ไม่ต่ำกว่า 4.5 มีอายุไม่เกิน 2 ปี
โดยจะสอบเป็น General หรือ Academic ก็ได้ โดยทั่วไปเค้าจะบอกว่าสอบ General ง่ายกว่า
อย่างไรก็ตามหากมีแผนที่จะเรียนต่อผมแนะนำให้สอบ Academic มาเลยจะดีกว่าครับ
2) ใบรับรอง หรือประกาศนียบัตรที่แสดงว่าได้สำเร็จการศึกษา ที่มีระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 ปีจากสถาบันการศึกษาที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นสื่อการเรียนการสอน
(หมายถึงระยะเวลาเรียนอย่างน้อย 2 ปีนะครับ ไม่ได้หมายความว่าจบมาไม่เกิน 2 ปี ดังนั้นจะจบมากี่ปีแล้วก็ไม่เป็นไร)
ดูตัวอย่าง หนังสือรับรองว่าเรียนเป็น English Program
3) เรียนจบในระดับ degree, higher degree, diploma หรือ associate diploma จากสถาบันใน Australia โดยเรียนเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
4) ผลสอบ TOELF 133 สำหรับ computer based test,หรือ 450 สำหรับ paper based test หรือ 45-46 สำหรับ internet-based test โดยผลต้องมีอายุไม่เกิน 2 ปีเช่นเดียวกับ IELTS
อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักฐานทางด้านระดับภาษา จากเวป immigration
6. หลักฐานทางการเงินของผู้เดินทางไม่น้อยกว่า 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียเป็น Statementหรือใบรับรองทางการเงินจากธนาคารเป็น บัญชีออมทรัพย์จากธนาคาร (ไม่ใช่สำเนาสมุดบัญชีธนาคารประเภทออมทรัพย์) โดยต้องเป็นชื่อของตัวเองเท่านั้น
ดูตัวอย่าง หนังสือรับรองฐานะทางการเงิน
สิ่งที่หนังสือรับรองฐานะทางการเงินควรมี
- ชื่อเจ้าของบัญชี
-อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันนั้น
- จำนวนเงินที่ convert เป็น AUD อย่างน้อย 5000AUD
- อายุไม่ควรเกินหนึ่งเดือนก่อนยื่นเอกสาร
7. บัตรประจำตัวประชาชน (พร้อมสำเนา)
8. ใบสมัครที่กรอกรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว โดยสามารถดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ ใบสมัครWAH ปี 2553 และใบบันทึกข้อตกลง
ปีนี้สท.มีให้เขียนแผนการเดินทางแนบไปกับใบสมัครด้วยโดย;
- แผนการเดินทางสามารถเขียนเป็นภาษาไทยหรือภาษาอังกฤษก็ได้
- แผนการเดินทางสามารถแยกออกมาเป็นอีกแผ่นนึงก็ได้
- ใบสมัครและแผนการเดินทางทางสามารถพิมพ์หรือเขียนก็ได้ แต่ให้มั่นใจว่าจนท.จะไม่มีปัญหาในการอ่านลายมือเรา
9. บันทึกข้อตกลงที่ผู้ปกครองลงนามเรียบร้อยแล้ว
10. สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ปกครอง
11. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
ขั้นตอนการสมัครในปี 2010
เช่นเดียวกับปี 2009 ทางสท.ได้แบ่งขั้นตอนการสมัครเป็นสองขั้นตอนได้แก่ การ Walk-in และการสัมภาษณ์
ขั้นแรก walk in
นำหลักฐานทั้งสิบเอ็ดข้อพร้อมสำเนาไปยื่นด้วยตัวเองที่หอประชุมสท. ในวันที่ 6-8 กค. 2010 ระหว่างเวลา 9-16.30 (ถึงเค้าจะเริ่ม 9 โมง แต่ในความเป็นจริงจะมีคนไปเช้าอีกเยอะครับ)โดยวันที่วอล์คอินนี้ก็เหมือนกับ การเชคเอกสารขั้นต้นและทำการนัดหมายสัมภาษณ์กันต่อไป โดยวันสัมภาษณ์ในปีนี้จะอยู่ในช่วง 19 กค. - 3 สค.
อย่างที่บอกไปแล้ว ว่าปีนี้จะไม่มีการปล่อยใบรับรองเกินโควต้าดังนั้นถ้าไปแล้วเราหลุด 500 คนไปเราก็ต้องไปลุ้นว่าจะมีเปิดอีกรอบมั้ยเมื่อไหร่
ขั้นที่สอง สัมภาษณ์
เมื่อได้วันสัมภาษณ์แล้ว ให้นำหลักฐานทั้งหมดมายื่นในวันสัมภาษณ์อีกที โดยผู้ที่ผ่านการสัมภาษณ์ทั้งหมดจะได้รับการนัดหมายจากสท.ให้มารับใบรับรอง อีกทีหนึ่ง ซึ่งจะได้ในเวลาประมาณหนึ่งถึงสองวันทำการ จากนั้นเราก็สามารถไปยื่นวีซ่าได้ครับ
รายละเอียดปลีกย่อยและลิงค์ข้อมูลต่างๆตลอดจนขั้นตอนการยื่นวีซ่าอย่างละเอียด ผมใส่ไว้ในอีกบทความหนึ่ง สามารถอ่านต่อได้ที่ ขั้นตอนการยื่นวีซ่า WAH (2009) ครับ (ขั้นตอนของปี 2010 ผมจะอัพเดทให้อีกทีก่อนไปยื่นวีซ่ากันครับ)
สุดท้ายแถมแผนที่ และที่อยู่ของสท.ไว้ครับ จะได้ไม่หลงกัน
สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน
ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) 618/1 ถนนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร 10400
โทร 02-2555850-7 โทรสาร 02-2539113