ข่าวสาร >
2016
November
9
เอเจนท์ผี: 9 สัญญาณเตือนว่าคุณอาจจะโดนหลอก
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 6518 คน )

9 ข้อแนะนำในการหลีกเลี่ยงเอเจนท์ผี

ผีหลอกว่าน่ากลัวแล้วแต่โดนคนหลอกน่ากลัวกว่าซะอีก ทาง Thaiwahclub ทำข้อมูลเรื่องข้อแนะนำในการสังเกต

และเลือกเอเจนท์ในการเรียนต่อต่างประเทศมาให้ทุกคนศึกษาไว้เพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกันจะได้ไม่โดนหลอกกันครับ

 

1) รับทำหลักฐานทางการเงินและเอกสารปลอม

  เหตุผลยอดฮิตเหตุผลหนึ่งที่มีคนยังไปโดนไปหลอกได้บ่อยๆในยุคที่เรามีช่องทางตรวจสอบข้อมูลกันเยอะขนาดนี้ ก็เพราะคนส่วนนึงหลักฐานไม่พร้อมแต่ความอยากไปมีมากกว่า ทำให้มีความต้องการยืมหลังจากด้านมืดจากคนเหล่านี้ ด้วยการให้ทำหลักฐานการเงินให้บ้าง ทำปลอมหลักฐานอื่นๆ เช่นการทำงาน การเรียนให้บ้าง

  การปลอมแปลงเอกสารนี่ผิดทั้งจรรยาบรรณและกฏหมายเลยนะครับ ส่วนสำหรับวีซ่านักเรียนออสเตรเลียนี่ ถ้าปลอมแปลงเอกสาร หรือให้ข้อมูลเท็จที่สถานทูตเรียกว่า Fraud หรือ Misleading information นอกจากจะถูกปฎิเสธวีซ่าแล้ว ทางสถานทูตก็มีสิทธิ์ให้ผู้สมัครติดโทษแบน หรือที่เรียกว่า exclusion period จากทางสถานทูตไปอีก 3-10 ปี (แบนจากการยื่นวีซ่าครับ) วีซ่านักเรียนออสเตรเลียเองจริงๆถ้าพูดถึงเรื่องการเงินก็จะมีทั้งที่ต้องแสดง statement ย้อนหลัง 6 เดือน หรือ โชว์ยอดเงิน ณ วันนั้นๆ หรือยังไม่ยื่นไปก็ได้ แล้วแต่รร.และคอร์สที่เลือกไป ทั้งนี้สถานทูตเองก็มีสิทธิ์เรียกเอกสารเพิ่มเติมได้เสมอ ดังนั้นถ้าจะพูดว่าไม่ใช้หลักฐานการเงินแน่นอน 100% ก็ไม่ใช่เช่นกันครับ  แนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญดีกว่ามีทางเลือกอย่างไรบ้าง และถ้ายังไม่พร้อมจริงๆก็แนะนำให้อย่าเพิ่งรีบยื่นจะดีกว่า

2) ให้จ่ายเงินโดยไม่แจกแจงรายละเอียด ไม่ออกใบเสร็จรับเงิน ไม่มีหลักฐานจากทางสถาบันที่ลงเรียน

  วีซ่านักเรียนออสเตรเลียนี่มีได้ทั้งคอร์สที่เป็น stand-alone และ package course โดย stand-alone คอร์สเดี่ยวๆเช่นคอร์สเรียนภาษา กรณีแบบนี้ค่าใช้จ่ายทั่วไปจะมี ค่าเรียนภาษา ค่าลงทะเบียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าวีซ่า และค่าประกันสุขภาพตามระยะเวลาวีซ่า คอร์ส package อาจจะเป็นคอร์สภาษา บวกคอร์สอื่นๆเช่นดิปโพลมาเป็นต้น กรณีนี้อาจจะค่าใช้จ่ายอาจจะมีดังนี้ ค่าลงทะเบียน ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าเรียนภาษา ค่าเรียนดิปโพลมา 1 เทอม ค่าวีซ่า ค่าประกันสุขภาพตามระยะเวลาวีซ่า ตรงนี้นักเรียนเองควรจะขอทราบรายละเอียดด้วย ซึ่งคิดว่าเอเจนท์ที่เค้าเป็นเอเจนท์ที่ดีๆกันเค้าแจกแจงให้เราอยู่แล้ว รวมถึงแจ้งด้วยว่าหลังจากนี้ไปมีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง ต้องจ่ายเมื่อไหร่ ชำระอย่างไร 

  ส่วนประเภทที่บอกว่าแพกเกจทำงานต่างประเทศ สามแสนบาท ไปได้เลย แล้วถามไปตอบไม่ได้ว่าค่าอะไรเท่าไหร่แบบนี้ไม่น่าจะโอเคครับ ขั้นตอนจริงๆที่ควรทราบด้วยคือ

   • สมัครเรียน

   • ได้รับใบตอบรับจากทางสถาบัน (Offer Letter)

   • ชำระเงินค่าเรียน --> ควรได้รับใบเสร็จจากเอเจนท์ว่ามีค่าอะไรบ้างที่จ่ายไปตอนนี้ ซึ่งต้องอ้างอิงจากใน offer letter ได้

   •ได้รับ Confirmation of Enrollment จากทางสถาบัน --> ใบนี้เป็นใบที่บอกว่าเราชำระเงินและ กำลังจะไปเรียนที่ไหน อย่างไร จำเป็นต้องใช้ในการยื่นวีซ่าครับ

    • เตรียมเอกสาร และยื่นวีซ่า

3) การันตีผลวีซ่าผ่าน 100%*

  ผลวีซ่านักเรียนออสเตรเลียนี่จะออกโดยหน่อยงานที่เรียกว่า Department of Immigration and Border Protection ซึ่งตามปกติแล้วแม้โอกาสจะดี ประวัติจะดีขนาดไหน ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่าผ่าน 100% เพราะก็มีปัจจัยหลายๆอย่างที่อาจจะเกิดขึ้นได้ เช่น ถูกโทรมาสัมภาษณ์แล้วตอบไม่ได้เกี่ยวกับคอร์สเรียนที่ลงเรียนเลย เป็นต้น ทั้งนี้่ทั้งนั้นถ้าประวัติและหลักฐานดีโอกาสผ่านก็สูงกว่าเป็นปกติครับ

4) การันตีงานและรายได้งาม (มาก)

  อีกข้อหนึ่งที่หลายๆคนถูกดึงให้ยังคุยอยู่กับคนที่เค้าดูไม่น่าเชือถือก็คือเค้าการันตีได้ว่าได้งานแน่นอน มีงานและเงินเดือนแบบดีมากๆด้วย และที่สำคัญคือไม่คำนึงถึงความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ และอื่นๆของผู้สมัครเลย นัยว่าถ้ากล้าคุณก็ชนะแล้ว ได้งานเลยง่ายๆ ถ้าคุณเป็นคนขยันจริงอยู่การที่เป็นคนขยันและรับผิดชอบเป็นส่วนหนึ่งในการทำให้หลายคนได้งานในออสเตรเลีย แต่การการันตีงานโดยที่นายจ้างไม่เคยเจอเรา นายจ้างไม่ได้สัมภาษณ์เรา โดยเฉพาะกรณีที่รายได้ดีมากๆ นี่เป็นไปได้ยากมากๆครับ กรณีที่เคยคุยด้วยกับคนที่เกือบถูกหลอกมา (คุยแบบกึ่งสัมภาษณ์)มีบอกว่าได้เดือนละ 1.5 แสนบาทแน่นอน ซึ่งก็จะบอกว่าแค่ว่าทำงานอะไร ไม่บอกว่าที่ไหน ไม่บอกว่าทำกี่โมงถึงกี่โมง เงินเดือนๆละ 1.5 แสนนี่ถ้าไม่มีอะไรเด่นกว่าคนอื่น และมาด้วยวีซ่านักเรียนต้องเรียนด้วย ภาษายังไม่ดี นี่เป็นไปได้ยากมากๆครับ (คือถ้าเป็นไปได้ก็จะเป็นกับคนที่มีสกิล มีภาษาไปแลกกับงาน แต่ไม่ใช่กรณีที่อยู่ๆมาก็ได้ 1.5 แสนเลย)

ผมคำนวนค่าใช้จ่ายไว้ให้สำหรับคนที่จะมาเรียนด้วยทำงานด้วย ลองเข้าไปดูได้ที่นี่ครับ

https://goo.gl/FDL4wB

5) คิดราคาแพงกว่าหลักสูตรของสถาบัน

  ปกติแล้วเอเจนท์เองจะไม่ได้คิดค่าบริการในการสมัครเรียนหรือทำวีซ่ากับทางนักเรียนหากดำเนินการสมัครเรียนผ่านเอเจนท์นั้น เพราะทางสถาบันจะเป็นคนจ่ายเงินให้เอเจนท์เอง นั่นก็คือแปลว่านักเรียนจะสมัครเองหรือหรือสมัครผ่านเอเจนท์ตามหลักการแล้วก็ควรชำระค่าเรียนเท่ากัน (หรือถูกกว่า) และการสมัครด้วยตัวเองจะปกติจะไม่ถูกกว่ากว่าสมัครผ่านตัวเเทนของสถาบันแน่นอน ดังนั้นถ้ามีบวกค่าดำเนินการสมัครวีซ่า หรือค่าสมัครเรียนขึ้นมาเกินกว่าค่าเรียน และค่าอื่นๆที่แจ้งมาในใบตอบรับ (Offer Letter) ก็ต้องสามารถให้เค้าระบุได้ว่ามีค่าอะไรบ้างครับ

6) หักเงินค่าดำเนินการหนักๆ ไม่มีนโยบายที่ชัดเจน ไม่มีการแจ้งล่วงหน้า

  อย่างที่แจ้งไปเรื่องว่าเอเจนท์จะทำเรื่องให้นักเรียนโดยไม่ได้คิดค่าบริการสมัครเรียนและทำวีซ่าเพิ่ม หากสมัครผ่านเอเจนท์นั้นๆ แต่เอเจนท์จะได้รับค่าตอบแทนจากสถาบันโดยตรง นั่นก็คือถ้าวีซ่าผ่านก็จะได้ค่าตอบแทนนั้นๆกันไป แต่ถ้าวีซ่าไม่ผ่านก็จะไม่ได้อะไร ตรงนี้ทางเอเจนท์ควรจะมีแจ้งกับทางนักเรียนตั้งแต่แรกแล้วว่าถ้าวีซ่าไม่ผ่านจะได้อะไรคืนบ้าง จะถูกคิดเพิ่มเติมอะไรบ้าง ตรงนี้สำคัญนะครับ ถ้าไม่บอกก็คือต้องถามแต่แรกก่อนจ่ายเงิน ไม่ใช่พอวีซ่าไม่ผ่านแล้วค่อยมาคุยกัน

  ในกรณีวีซ่าไม่ผ่านนี่ สถาบันจะคืนค่าเรียนให้ 100% (แล้วแต่กรณี แต่มักจะไม่ค่อยมีหักอะไร แต่ถ้าอยากจะมั่นใจว่ารร.ของตัวเองหักมั้ย ให้ลองดูใน Refund Policy ซึ่งจะอยู่ใน Offer Letter ครับ) และจะมีหักค่าธรรมเนียมต่างๆไปบ้าง ตรงนี้จริงๆทั้งนักเรียนและเอเจนท์จะต้องเข้าใจกันก่อนแล้วว่าจะมีค่าอะไรที่ได้คืน อะไรที่ไม่ได้คืน โดยทั่วไปจะเป็นแบบนี้ครับ

   • ค่าเรียน - คืน 100% ในกรณีวีซ่าไม่ผ่าน (หรือตาม policy แต่หักไม่เยอะ)

   • ค่าลงทะเบียน - แล้วแต่นโยบายของโรงเรียน

   • ค่าประกันสุขภาพ - คืน 100%

   • ค่าอุปกรณ์การเรียน - คืน 100%

   • ค่าวีซ่า - ใช้ไปแล้ว ไม่คืน

    • ค่าบริการของทางเอเจนท์ แล้วแต่ตกลงกัน ทั่วไปก็หลักพันถึงหมื่นต้นๆในกรณีวีซ่าไม่ผ่าน

  ส่วนกรณีที่มีบางที่เค้าหักคอกันเลย 30% จากค่าใช้จ่ายทั้งหมดถ้าวีซ่าไม่ผ่านก็มี ตรงนี้เลยเน้นย้ำกันอีกทีว่าอยากให้ make sure ว่าจะมีค่าอะไรบ้างในกรณีไหน ไม่ใช่ไม่เคยรับรู้มาก่อนเลย และอยู่ๆมาหัก 30% ซึ่งโดยหลักการแล้วถามว่ารร. ว่าเอเจนท์ที่หักแบบนี้ได้มั้ยก็ได้ คือเค้าก็อยากให้คืนให้หมดตามนโยบาย แต่ถ้านักเรียนไปยินยอมรับคอนดิชันแบบนี้เองก็อาจจะทำให้เค้าทำอะไรได้ยากไปบ้าง ทั้งนี้ด้วยกติกาแล้วที่โรงเรียนคืนให้ และอยากให้เอเจนท์คืนให้ก็เพราะว่าถ้าวีซ่าผ่านถึงจะได้ค่าตอบแทน เอเจนท์ก็ต้องตั้งใจทำงานเต็มที่ ไม่ใช่ผ่านไม่ผ่านช่างมัน หักเงินเยอะอยู่แล้ว แบบนั้น

7) ไม่จดทะเบียนบริษัท หรือทะเบียนการค้า

 ข้อนี้สั้นๆ คือแนะนำให้ติดต่อกับบริษัท หรือนิติบุคคลดีกว่า คือมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักแหล่งชัดเจน พูดง่ายๆคือดูเรื่องความน่าเชือถือเป็นหลัก ดูหลายๆอย่างครับ มี website มั้ย ใช้ free email มั้ย เป็นบุคคล หรือ เป็นนิติบุคคล มีประสบการณ์ในประเทศนั้น และอื่นๆไม่ได้บอกว่าเป็นบ.แล้วจะปลอดภัย 100% แต่อย่างน้อยก็ยังตามตัวกันได้ครับ

8) ไม่มีประสบการณ์ ความรู้ เกี่ยวกับประเทศนั้น

  การไปอยู่ต่างประเทศเป็นระยะเวลายาวๆเป็นความท้าทายครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งในชีวิตเลยนะครับ ใครที่ไม่เคยไปมาก่อนครั้งแรกๆ ถ้าไม่หาข้อมูลมาเยอะมากๆจริงๆก็อยากให้ได้คุยกับคนที่ได้มีประสบการณ์จริงๆ เข้าใจว่าการใช้ชีวิตต่างแดนเป็นยังไง รู้จักสถาบัน รู้จักเมืองนั้นๆ ก็จะช่วยให้คำแนะนำได้หลากหลายครับ เคยเจอเคสที่โดนหลอกมา แล้วบอกว่าตัวเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน แต่อ้างว่าส่งคนไปได้ มีโควต้าให้ไปทำงาน มีรูปถ่ายคนที่ไปแล้วยืนยัน จ่ายเงินมาได้ไปเลย แต่ถามอะไรไปตอบไม่ได้เลย แบบนี้ไม่น่าจะโอเคครับ

9) ขายฝัน ให้ไปทำงานขุดทองด้วยวีซ่าผิดประเภท

  ในออสเตรเลียเอง วีซ่าแบบไม่ถาวรที่ทำงานได้ด้วยจะมี Student Visa ทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์ Work and Holiday Visa ทำงานได้ 6 เดือนต่อ 1 นายจ้าง (จริงๆมีวีซ่าทำงานด้วย แต่ต้องได้งานแล้ว เป็นงานที่รัฐบาลต้องการ มีผลภาษาที่รัฐกำหนด ดังนั้นก็ค่อนข้างยาก) ส่วนวีซ่าท่องเที่ยวทำงานไม่ได้ตามกม.ครับ ดังนั้นถ้าบอกว่ามาทำงานด้วยวีซ่าท่องเที่ยวก็ให้ระวังไว้ให้ดีครับ

 

  ปล. บทสรุปคือถ้าเลือกเอเจนท์ได้ดี นี่ชีวิตง่ายขึ้นเยอะเลยนะครับ และไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วย แต่เอเจนท์หลอกลวงนี่เข้าข่าย Human trafficking ด้วย ไม่โอเคเลย (ในกรณีหลอกไปทำงาน) เลยอยากทำสรุปมาให้อ่านกันครับ ประเด็นคือนักเรียนเองต้องมีความรู้ด้วยเหมือนกัน เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ควรต้องทราบไว้ทั้งหมดครับ