ข่าวสาร >
2015
July
29
ขั้นตอนการยื่นวีซ่า Work and Holiday 

ออสเตรเลีย 2015
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 241064 คน )

หลักฐานการยื่นวีซ่า Work and Holiday

1. Work and Holiday Application Checklist 
ใช้ใบนี้แปะหน้าเอกสารอื่นๆ ที่เราจะยื่นกับทาง VFS เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจเชคเอกสารได้ง่าย และสะดวกกับเราเองด้วยที่จะตรวจว่าเอกสารครบหรือไม่ครับ

Checklist จากเวปสถานทูต

Checklist พร้อมคำอธิบายจาก Thaiwahclub & Beyond Study 

2. แบบฟอร์ม 1208 (Work and Holiday Visa) ทีกรอกเรียบร้อยแล้ว
ดาวน์โหลดฟอร์มเวอร์ชันล่าสุดได้จากเวป  Immigration จากลิงค์นี้ครับ Form 1208
ดังนั้นดูรายละเอียดการกรอกแบบคร่าวๆ ได้ใน 
การกรอกฟอร์ม 1208

เพิ่มเติมเกี่ยวกับการกรอก 1208 :

  • กรอกหรือพิมพ์จาก pdf ก็ได้ แต่พิมพ์จะดีกว่า เพราะจะอ่านง่ายและจะได้ไม่มีการเข้าใจผิดในข้อมูลที่เกิดขึ้นจากการสะกด หรือลายมือของแต่ละคนครับ
 
  • ไม่จำเป็นต้องพิมพ์หรือกรอกเป็น Capital Letters ทั้งหมด - ที่เค้าบอกว่าให้เป็น block letters เพราะจะให้อ่านง่ายหากใช้มือกรอกครับ ดังนั้นจึงแนะนำให้เขียนแบบ block letters ไปเลย ( THAIWAHCLUB แทนที่จะเป็น Thaiwahclub เป็นต้นครับ)
  • 
ใช้ปากกาดำหรือน้ำเงินก็ได้ 
  • Copy ฟอร์มที่เรากรอกเก็บไว้ด้วยเพื่อใช้เป็น reference  

3. ค่าธรรมเนียมวีซ่า 440 AUD หรือ 11,600 บาท (15/7/2015)
หรือตรวจสอบค่าวีซ่าล่าสุดได้ที่เวป vfs 

โดยเราสามารถชำระเป็นเงินสดได้ที่ VFS เลยครับทั้งในส่วนค่าวีซ่า ค่าธรรมเนียม (610 บาท) และค่าบริการอื่นๆ  


หรือ ถ้าซื้อจะซื้อกับธนาคารมาล่วงหน้า สามารถชำระเป็น Cashier’s cheque หรือ Bank Draft ที่ซื้อจากธนาคารในกรุงเทพฯ, จ.นนทบุรี, จ.ปทุมธานี หรือจ.สมุทรปราการ สั่งจ่าย “Australian Embassy Bangkok” [ ตรงนี้ห้ามสะกดผิดเลยะนะครับ ถ้าผิดจะต้องไปยื่น Bank Draft เข้าไปยื่นใหม่อีกรอบ และนำใบเก่ากลับไปเคลมเงินคืนเป็นที่วุ่นวาย ]

**Bank draft เองจะสะดวกดีในกรณีที่เราไม่ได้มายื่นด้วยตัวเอง เพราะจะได้ไม่ต้องให้คนอื่นถือเงินสดไปครับ**


4. Passport ตัวจริงพร้อมสำเนา โดย Passport จะต้องมีอายุเหลืออย่างน้อย 6 เดือน และแนบสำเนาของหน้าที่เคยเดินทางไปที่อื่นไปด้วย


5. ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตร
ที่มีชื่อทั้งบิดาและมารดาของผุ้สมัคร (เลือกใช้ได้อย่างใดอย่างหนึ่ง) : ทะเบียนบ้านหรือสูติบัตรนี่ยังไงก็เป็นภาษาไทยอยู่แล้วดังนั้นต้องแปลไปด้วยนะครับ 


6. ใบเปลี่ยนชื่อ
ในกรณีที่เราได้มีการเปลี่ยนชื่อหรือนามสกุลเราต้องแจ้งไว้ให้ทางสถานทูตทราบใน  Form 1208 และต้องแนบใบเปลี่ยนชื่อพร้อมใบแปลไปให้ทางสถานทูตด้วยครับ


7. รูปถ่ายขาวดำหรือสีขนาด 2 นิ้ว (45x35 mm) จำนวน 2 รูป :
เซ็นลายมือชื่อ (ตัวบรรจง) เราด้านหลังทั้งสองรูปด้วย 
**


8. หลักฐานผลภาษาอังกฤษ
ไม่ว่าจะเป็น IELTS / TOEFL หรือผลการเรียนเป็นโปรแกรมภาษาอังกฤษ หรือ International Program



9. หลักฐานการศึกษา
แนะนำว่าให้ยื่นไปทั้ง Transcript และใบรับรองจบ (สำเนา) ไปทั้งสองใบเลยครับ
ในกรณีที่มหาวิทยาลัยไหนออกใบรับรองหรือ Transcript มาเป็นภาษาไทย แนะนำให้ไปขอเวอร์ชันภาษาอังกฤษจากทางมหาวิทยาลัยไว้ตั้งแต่เนิ่นๆครับ (เพราะถ้าเอกสารที่เป็นภาษาไทยจะส่งไป ก็ต้องมีเวอร์ชันแปลส่งไปด้วย และเอกสารอย่าง transcript นี่แปลค่อนข้างยากครับ)


10. หลักฐานการเงิน
ผู้สมัครจะต้องแนบหลักฐานการเงินที่มีเงินอย่างน้อย 5,000 AUD โดยใช้เป็นสมุดบัญชีตัวจริงและสำเนาย้อนหลัง 6 เดือน 
โดยจะแนบ Bank guarantee หรือ Bank Statement ไปด้วยก็ได้ครับ

  • ไม่แนะนำให้นำเงินออกจนมีเงินต่ำกว่า 5,000 AUD หลังจากขอ Bank Guarantee มาครับ
  • ใบรับรองทางการเงินหรือ Bank Guarantee ต้องมีอายุไม่เกิน 1 เดือน

  • ในกรณีไม่ได้อัพเดทสมุดบัญชีบ่อย เวลามาอัพเดทยอดจะรวมกันเป็นยอดเดียว แนะนำให้ข้อ Bank Statement แนบไปด้วย
  • ในกรณีมีหลักฐานการเงินของ sponsor ควรแนบสำเนาสมุดบัญชีย้อนหลัง 6 เดือนไปด้วย

 

คำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับหลักฐานการเงินสำหรับการยื่นวีซ่า Work and Holiday Australia 
เนื่องด้วยเหตุผลที่ว่าเรื่องหลักฐานการเงินเป็นเรื่องหนึ่งที่สำคัญที่สุดในการยื่นวีซ่า จึงอยากอธิบายตรงนี้เพิ่มเติมให้โดยละเอียด โดยแยกตามประเภทของหลักฐานดังนี้

1. สมุดบัญชีตัวจริง + สำเนาย้อนหลัง 6 เดือน หรือ Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน + สำเนา
ในการยื่นเอกสารกับทางสถานทูตออสเตรเลีย เอกสารที่แนะนำให้แนบไปด้วยเลยคือ Bank book ตัวจริงอัพเดทล่าสุด (แสดงให้เห็น transactions ย้อนหลัง 6 เดือน) และตัวสำเนา แต่ในกรณีที่ไม่สะดวกให้เล่มจริงอาจจะขอเป็น Bank statement ย้อนหลัง 6 เดือน พร้อมแนบสำเนาไปด้วยครับ

**เงินไม่จำเป็นต้องค้างอยู่ 6 เดือนก็ได้ แต่ต้องมีที่มาชัดเจน คือมาจากคนที่น่าจะให้เราจริง ที่มีอาชีพชัดเจน และโอนให้แล้วเค้าก็ไม่เดือดร้อนครับ**

2. หลักฐานที่มาของเงิน :
ทางสถานทูตจะดูว่าผู้สมัครมี transaction หรือการเข้าออกของเงินเป็นยังไงในช่วงหกเดือนล่าสุดก่อนยื่นวีซ่า 
หากมีเงินก้อนใหญ่เข้ามา เราก็ควรที่จะสามารถอธิบายที่มาของเงินเหล่านั้นพร้อมแนบหลักฐานไปด้วยครับ (Evidence of source of sudden fund and explanation)

วิธีดูง่ายๆ ว่าเราควรจะต้องแนบหลักฐานหรือต้องอธิบายที่มาของเงินหรือไม่ก็คือ ดูว่าการเข้าออก และเงินที่คงอยู่โดยทั่วไปมีเท่าไหร่ 
เช่น ถ้าเรามีเงิน 2 แสนมาตั้งแต่ 6 เดือนก่อน และมีเงินเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่เคยมียอดต่ำกว่า 2 แสนเลย แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาอะไร (แค่อาจจะเขียนอธิบายให้เข้าใจว่าเงินที่อยู่ในบัญชีมีที่มาจากที่ไหน เช่น เป็นเงินเก็บ) 
แต่หากว่า บัญชีที่เรามีเป็นบัญชีเงินหมุน เช่น  ยอดสูงและต่ำสุดระหว่าง 1-2 หมื่นบาท 
แต่ก่อนจะยื่นวีซ่ามีเงินโอนเข้ามาอีก 1.5 แสน โดยไม่ว่าจะโอนเข้ามาทีละ 5 หมื่นบาท 3 ก้อน หรือจะโอนมา 1.5 แสนทีเดียว เราก็จะต้องอธิบายให้ทางสถานทูตฟังได้ โดยมีหลักฐานที่เชื่อถือได้แนบไปด้วยครับ (คือการเข้าออกของเงินไม่เหมือนปกติก่อนหน้านี้)

หลักฐานที่ควรแนบไปเพื่ออธิบายการเข้ามาของเงินก้อนใหญ่


2.1 จดหมายอธิบายจากคนที่โอนเงินให้ว่าเค้าโอนให้เราเพราะอะไร ทำไม เมื่อไหร่ยังไง จากบัญชีไหน ไปบัญชีไหน เค้ามีความสัมพันธ์อะไรกับเรา
2.2 จดหมายอธิบายที่มาของเงินที่เราเขียนอธิบายเองว่า เงินในบัญชีเข้ามาจากที่ไหน 
ด้านล่างเป็นตัวอย่างจดหมาย Evidence of source of funds ของคุณ Punz Thestar นักเรียน IELTS รุ่นแรกสุดของผมครับ :)

Evidence of source of funds

BANK OF AYUDHYA

Name of Account Mr Punz

Account No. 15X-1-30760-X





My main income is from XX Company Limited that I have been working as a full time employee in position Marketing Officer since 18 May 2009 (X Bath) with transfers to my saving bank account (15X-1-30760-X) every month (day 28th). So I



27/07/11 Received bonus and salary amount 3X,070 Baht.

24/08/11 Received gift 13X,000 for Work and Holiday in Australia from
Mr X, my older brother who is my guardian.



Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income by following;


- Savings account passbook
 (BANK OF AYUDHYA Account No. 15X-1-30760-X)               
- Employment letter.


If you would like any further information, please don't hesitate to contact me.



Yours faithfully,



Mr X



 

ตัวอย่างอีกฉบับจากน้องเล้ง ณ Sydney ครับ  [Leng-Leng Taecharattanawanit]

Evidence of Source of Funds
BANK OF xxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxxx
Name of Account Miss xxxxxxxxxxxxx
Account No. xxxxxx

My main income is from working for xxxxxxxxxxxxx. I have been working as a xxxxxxxxxxxxxx since DATE MONTH YEAR (starting at xxx THB) in which transfers to my saving bank account (xxxxxxxxx) every month (day 30th/31st).

Regarding my personal finances, I have also provided evidences to consider the derivation of income as follows:

- Savings account passbook (BANK OF xxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)    
- Statement of the past six months (BANK OF xxxxxxxxxxxx Account No. xxxxxxx)       
   ข้อนี้ optional นะ เค้าไม่ได้ขอ แต่อยากให้ก็ได้ 55555 อันนี้เผอิญเปน คนละบัญชีกับเงินเดือน    
- Employment letter (ถ้ามี)

If you have further query, please do not hesitate to contact me.

Yours faithfully,

Name Surname

ในกรณีที่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน ผมมีเขียนตัวอย่างไว้ให้ดูอีกเพิ่มเติมดังด้านล่างครับ

ตัวอย่างจดหมาย - Evidence of Source of Fund

นอกจากนี้ ปกติจะแนะนำให้มีจดหมายอีกฉบับที่เขียนโดยผู้สปอนเซอร์แนบไปด้วย เพื่ออธิบายว่าเงินก้อนนี้ให้เราจริงๆครับ

ตัวอย่างจดหมาย - Financial Support Letter

**ที่สำคัญที่ต้องเน้นเลย คือตัวอย่างจดหมายนี่ให้ไว้สำหรับเป็นตัวอย่างเฉยๆ นะครับ ไม่แนะนำให้ลอกไป เพราะแต่ละคนรายละเอียดจะต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นคนที่โอนเงินให้ หลักฐานที่มาขอเงินของคนที่โอนให้ ความสัมพันธ์กับคนที่โอนให้
สำหรับกรณีอื่นๆ ผมแนะนำให้อ่านกระทู้ การทำ Statement Work and Holiday ด้วยครับ ในกระทู้จะอธิบายถึง case study แบบต่างๆที่มีเพื่อนๆมาถามไว้ครับ

2.3 copy ของสมุดบัญชีของผู้ที่โอนเงิน / ถ้ามีหลักฐานการทำงาน ที่มาของรายได้ขอคนที่โอนให้เราได้ก็จะยิ่งดีครับ 

2.4 copy of ID card (บัตรประชาชน / Passport ) ของบุคคลในข้อ 2.1



2.5 copy of House Registration ของบุคคลในข้อ 2.1 เพื่อให้ลิงค์กันกับเรา เช่น สมมติเป็นคุณป้า (พี่สาวคุณพ่อ) ทะเบียนบ้านคุณป้า และคุณพ่อก็จะลิงค์กันด้วยชื่อของคุณปู่คุณย่า ที่เหมือนกันเป็นต้นครับ

11. แผนการเดินทางโดยคร่าว ๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย

เขียนแผนการเดินทางเป็น ภาษาอังกฤษ ความยาวไม่เกิน 1 หน้ากระดาษ A4 โดยประมาณ
เขียนคร่าวๆ ว่าเราจะไปทำอะไรบ้างที่ไหนยังไง 
อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับแผนการเดินทางได้ใน 
เขียนอะไรดีในแผนการเดินทาง

จากที่ได้ฟังบรรยายจากสถานทูตล่าสุด เค้าบอกว่าแผนการเดินทางไม่จำเป็นต้องมีก็ได้ แต่ผมยังแนะนำให้มีอยู่ดีครับเพราะแผนการเดินทางจะทำหน้าที่เป็น Statement of purpose ที่บอกเป้าหมายของเราว่าเราเป็นใคร จะไปทำอะไรในประเทศเค้าได้ดีกว่าเอกสารอื่นๆ
 


 

12. สำเนาบัตรประชาชนของผู้สมัคร


13. สำเนาบัตรประชาชนของผู้ปกครอง
ใช้แค่ของคนที่เซ็น Parent Permission Letter นะครับ เช่นถ้าคุณแม่เซ็น ของคุณพ่อก็ไม่ต้องแนบไป 
โดยจะต้องมีเวอร์ชันแปลแนบไปด้วย

ดูตัวอย่างได้ในนี้ครับ


ตัวอย่างการเเปลบัตรประชาชน : แบบเก่า และ
ตัวอย่างการแปลบัตรประชาชนแบบ Smartcard



14. หนังสือรับรองตัวจริงจากทางสท.
 (แนะนำว่าส่งก้อปปี้ไปด้วย และก้อปปี้เก็บไว้กับตัวเองด้วยครับ)

15. หลักฐานการผ่านการเกณฑ์ทหาร
สำหรับผู้ชายจะมีหลักฐานที่บอกว่าผ่านการเกณฑ์ทหารแล้วหรือเรียนรด.แล้วที่ ต้องยื่นไปด้วยครับ
แต่ละคนที่เรียนรด.มาแล้วจะได้ สด. 8 หรือ สด. 9  และคนที่ไม่เรียนแต่ผ่านการคัดเลือกทหารแล้วจะมีใบ สด. 43 ครับ
ดูรายละเอียดการแปลของเอกสารทางการทหารได้จากด้านล่างครับ


ตัวอย่างการ แปล สด. 8
ตัวอย่างการแปล สด. 43 



16. หลักฐานเกี่ยวกับการประกัน
ก่อนหน้านี้จะมี condition ในวีซ่าที่บอกไว้เลยว่าเราต้องมีประกันตลอดระยะเวลาการเดินทางด้วย แต่หลังๆนี้สถานทูตนำออกไปแล้วครับ ดังนั้นจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่มีผลกับการพิจารณาวีซ่า อย่างไรก้ตามผมแนะนำให้มีไปด้วยเลยถ้าจะซื้ออยู่แล้วครับ เพราะจะมีกรณีที่ไม่ได้ยื่นไปแล้วทางสถานทูตขอเพิ่มมาก็มี และยังไงก่อนไปก็แนะนำให้มีก่อนอยู่แล้วและไม่แพงด้วย



เกร็ดความรู้เรื่องประกันสุขภาพ


รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2015 (3/6 เดือน : Chartis)
รายละเอียดการทำประกัน WHS/WAH 2015 (1 ปี: Allianz)

17. หลักฐานการทำงาน
เช่น จดหมายรับรองการทำงานก็เป็นหลักฐานที่ควรแนบไปด้วยครับเพราะแสดงให้เห็นถึงประวัติของเราว่าเราทำอะไรมาบ้าง อ้างอิงจากเวป VFS ว่ายื่นเป็นตัวจริง และแนบก้อปปี้ไปด้วยครับ

ตัวอย่างจดหมายรับรองการทำงาน

 



การเซ็นรับรองเอกสาร

  • เราสามารถเซ็นรับรองเอกสารว่า "รับรองสำเนาถูกต้อง" หรือ "Certified True Copy" ได้ด้วยตัวเองครับ แนะนำให้ใช้เป็นภาษาอังกฤษก็ดีครับ และให้เซ็นเหมือนกับที่เซ็นไว้ใน Passport (ภาษาใดก็ได้)

  • เอกสารของใครก็ให้คนนั้นรับรองครับ เช่น บัตรประชาชนคุณแม่ คุณแม่ก็ต้องเป็นคนเซ็น


การแปลเอกสาร

การยื่นเอกสารกับสถานทูตเราจำเป็นต้องแปลเอกสารทุกอย่างที่ไม่เป็นภาษาอังกฤษไปให้ทางสถานทูตด้วย ซึ่งข้อควรทราบในการแปลเอกสารสำหรับ Work and Holiday Visa มีดังนี้ครับ

  • มีเอกสารอะไรที่ต้องแปลบ้าง?
    เอกสารใดๆที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษต้องแปลไปทั้งหมดครับ

  •  ต้องให้ใครแปล แปลเองได้หรือเปล่า ต้องมีการรับรองหรือไม่?
    สามารถแปลเอกสารเองได้ครับ ณ ปัจจุบันไม่ต้องให้กงศุล หรือร้านแปลรับรอง ที่สำคัญคือต้องแปลให้ถูกต้อง ซึ่งในตัวอย่างการแปลเอกสารหลายๆอย่างผมมีให้ในเวปแล้วครับ

  • เซ็นรับรองการแปล อย่างไรบ้าง?
     Certified Correct Translation Only / Certified Correct Translation

  • ต้องแปะรูปเราเอง ไปในเอกสารที่แปลมั้ย เช่นรูปเราเองในบัตรประชาชน?
    รูปถ่ายเราไม่ต้องแปะไปครับ ทำเป็นกรอบสี่เหลี่ยมและเขียนว่า Photo เหมือนในรูปตัวอย่างต่างๆได้เลยครับ

  •  ตรงลายเซ็นเจ้าหน้าที่ ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นด้วยมั้ย?
    ตรงลายเซ็น เราเขียนว่า signed / signature ครับ ไม่ต้องนำไปให้เจ้าหน้าที่เซ็นจริงๆแล้วครับ

  • แปลเอกสารคุณแม่แล้วต้องให้คุณแม่เซ็นรับรองสำเนาถูกต้องอีกมั้ย?
    ไม่ต้องแล้วครับ สมมติมีเอกสารคุณแม่ เราจะยื่นไปเป็น สำเนา (เซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง โดยเจ้าของเอกสาร) และตัวแปล (เซ็นรับรองการแปล โดยคนแปล)

    ตัวอย่างเอกสารการแปลเพิ่มเติม ดูได้ในนี้ครับ 
    Thaiwahclub Download

    ตัวอย่่างการแปลเอกสารราชการจากเวปกงศุล

 

 

 

การยื่นวีซ่าผ่านทาง VFS

  • เราสามารถยื่นวีซ่าได้ด้วยตัวเองที่ VFS ครับ (จริงๆสามารถยื่นทางไปรษณีย์ก็ได้ แต่ผมแนะนำว่ายื่นกับ VFS ไปเลย ตามเรื่องง่ายกว่าครับ)
    การยื่นวีซ่ากับ VFS มีค่าธรรมเนียม 610 บาท 
  • ที่ตั้งศูนย์ยื่นวีซ่าประเทศออสเตรเลีย อาคารเดอะเทรนดี้ ออฟฟิศ ชั้น 28 สุขุมวิท ซอย 13 แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110
    แผนที่ตั้ง
    เวลาทำการ : 8.30 น. – 16.30 น. วันจันทร์ ถึง วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดของสถานทูตออสเตรเลีย 
    คลิกเพื่อตรวจสอบวันหยุดของ VFS
  • เวลายื่นใบสมัคร : 8.30 น. – 15.00 น.
  • เวลารับผล : 10.00 น.- 16.30 น
    สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมสามารถโทรสอบถาม VFS ได้โดยตรงที่  021187100 โทรได้ระหว่างเวลา 08.30 ถึง 16.30 จันทร์ถึงศุกร์ยกเว้นวันหยุดสถานทูตหรือสอบถามทางอีเมลล์ได้ที่ E-mail at: info.dibpth@vfshelpline.com


การตรวจสุขภาพ
  • ปกติเราจะยื่นวีซ่าไปและรอให้สถานทูตส่งอีเมลมาเรียกเราไปตรวจสุขภาพครับ ดังนั้นต้องมั่นใจว่าเรากรอกเมลไม่ผิดและเชคอีเมลอยู่เสมอหลังจากยื่นวีซ่า ไปแล้ว การตรวจสุขภาพอาจจะตรวจแค่ Chest Xray หรือมากกว่านั้นอยู่ที่ทางสถานทูตจะแจ้งมาครับ

    อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย รู้จักกับ eHealth (ตรวจสุขภาพวีซ่าออสเตรเลีย)

    
โรงพยาบาลที่สามารถไปตรวจสุขภาพได้ (Australia)

  • สามารถตรวจสอบรายชื่อโรงพยาบาลที่เราสามารถไปตรวจสุขภาพได้จากเวปอิมมิเกรชันตามลิงค์นี้ครับ
  • 
Panel Physicians Thailand (คลิกตรง Panel Physician )

 

การพิจารณาและรับผลวีซ่า


ในปี 2015 จาก website ของ VFS แจ้งว่าการพิจารณาวีซ่าจะอยู่ที่ 10 วันทำการครับ
 โดยทางสถานทูตออสเตรเลียอาจจะโทรมาสัมภาษณ์หรือขอเอกสารเพิ่ม ในกรณีที่เค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม 
เมื่อผลออกแล้วเราสามารถเชคกับทางเวป VFS ได้โดยในเวปจะขึ้นข้อความ "Your processed application has been received at VFS" ซึ่งแปลว่าให้เราไปรับผลที่พิจารณาเรียบร้อยแล้ว และเอกสารคืนได้ที่ VFS ครับ

เราสามารถไปรับผลวีซ่าและเอกสารอื่นๆ ด้วยตนเอง หรือจะใช้บริการของ VFS ให้ส่งเอกสารมา หรือจะให้ผู้อื่นที่เรามอบฉันทะให้ไปรับแทนก็ได้ครับ

กำหนดการเดินทางหลังได้รับวีซ่าแล้ว
เมื่อได้รับวีซ่าแล้วทางสถานทูตกำหนดไว้ว่าเราจะต้องเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียภายใน 1 ปี และหลังจากเข้าประเทศออสเตรเลียไปแล้ว เราสามารถอยู่ต่อได้อีก 1 ปีครับ เช่น วีซ่่าผ่าน 10 Aug 2014 , เราเข้าประเทศออสเตรเลียได้ไม่เกิน 10 Aug 2015 และสมมติเราเข้าประเทศเค้าในวันที่ 1 Aug 2015 เราจะอยู่ในออสเตรเลียได้ถึง 1 Aug 2016 ครับ 

ข้อแนะนำเพิ่มเติม :
การเข้าประเทศเราจะอายุเกิน 31 ไปแล้วก็ไม่มีปัญหาครับ (คือได้วีซ่าแล้วเดินทางหลังอายุเกินไม่เป็นไร แต่ตอนยื่นวีซ่าอายุจะต้องยังไม่ 31) 
การเข้าออกประเทศออสเตรเลีย ถึงเเม้จะมีเวลา 1 ปีเป๊ะๆมาให้ แต่ก็แนะนำให้เข้าออกก่อนกำหนดนิดหน่อยป้องกันการดีเลย์ และเหตุการณ์ไม่คาดคิดต่างๆครับ
วีซ่าออสเตรเลียจะเป็น evisa ดังนั้นจะไม่มี label แปะมาด้วยไม่ต้องตกใจสามารถเข้าประเทศได้ด้วย passport เพียงอย่างเดียว แต่อย่างไรก็ตามแนะนำให้พกใบ visa grant letter ติดตัวไปด้วยตอนเข้าประเทศครับ (และเผื่อใช้ในการหางานด้วย)
แสกนหลักฐานสำคัญต่างๆไม่ว่าจะเป็น visa grant letter , passport , IELTS ไว้และส่งเข้า email เก็บใน flashdrive ไว้ด้วยกันเหตุฉุกเฉินครับ

 อ่านเพิ่มเติม : Australian Visa : E-visa

ยังไงขอให้โชคดีทุกคนครับ :)

 

Updated by zgamez l Beyond Study Center l July 2015