ขั้นตอนการสมัคร WAH 2014(Online) : Updated 26/06/2014
กำหนดการ
Work and Holiday Australia 2014
สท.เปิดรับจำนวน 600 คนซึ่งมากกว่าโควต้าของ Work and Holiday Australia ของทางสถานทูตอยู่ 100 คน (Quota ของสถานทูตออส = 500)
โดยกติกาปีนี้จะแตกต่างกันกับปีก่อนๆเล็กน้อยคือ จะแบ่งโควต้าออกเป็นสองส่วน สำหรับออสเตรเลีย จะแบ่งดังนี้ครับ
- 500 คนแรก หรือผู้ได้ลำดับที่ 1 ถึง 500 จะมีสิทธิ์นำใบรับรองไปยื่นขอวีซ่าได้ทันที แต่จะต้องยื่นวีซ่าภายใน 6 เดือนภายหลังได้รับใบรับรองจากสท. โดยใบรับรองจะมีอายุระหว่าง 24 กค. 2014 ถึง 24 มค. 2015 ดังนั้นจะต้องยื่นวีซ่าภายในช่วงเวลาที่กำหนดครับ
- ลำดับที่ 501 ถึง 600 จะยังไม่มีสิทธิ์ยื่นทันที - พูดง่ายๆ ว่าเหมือนเป็นโควต้าสำรอง
หากครบกำหนด 6 เดือนแล้ว 500 คนแรกนี้ไม่ไปยื่นใบรับรองเหล่านั้นก็จะหมดอายุไป และหากโควต้ายังไม่เต็ม 500 คน ทางสท.ก็จะคุยกับสถานทูตและประกาศให้ผู้มีมีใบรับรอง (ลำดับที่ 501 ถึง 600) ไปใช้สิทธิ์ยื่นวีซ่าของตัวเองได้ โดยใบรับรองเซตนี้จะมีอายุระหว่าง 1 มีค. 2015 ถึง 30 มิย. 2015 ครับ
จำนวนที่มากกว่านี้ผมว่าจะไม่ส่งผลอะไรมากครับ เพราะจากผู้สมัครทางออนไลน์ 600 คนนี่ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะผ่านขั้นตอนการตรวจเอกสาร และสัมภาษณ์กันครบทุกคน
(ต้องมีคนที่ไม่ทราบว่าต้องมีเอกสารและจองไป และต้องมีคนที่จองๆไปก่อนเผื่อเค้าใจดีให้ผ่าน แต่สท.จะไม่ให้จริงๆสำหรับการณีเอกสารไม่ครบครับ) การสมัครออนไลน์จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 1-3 กรกฎาคม 2014 โดย สท.จะเปิดให้สมัครออนไลน์ในวันที่ 1 กค. 2014 เวลา 9.00น. โดยจะปิดรับทันทีที่ได้ผู้สมัครครบ 600 คนสำหรับ Australia และ 130 คนสำหรับ New Zealand ครับ
การสัมภาษณ์กับสท. ผู้ที่จองคิวสัมภาษณ์ 600 คนแรกของออสเตรเลีย และ 130 คนของนิวซีแลนด์ทันจะต้องเข้าสัมภาษณ์กับสท.ในวันที่ 19-20 กรกฎาคม 2014 (เสาร์- อาทิตย์) ผู้ที่จองคิวได้ต้องไปยื่นเอกสารและสัมภาษณ์ด้วยตัวเองนะครับ
การรับใบรับรองจากสท. หลังจากผ่านการสัมภาษณ์และตรวจเชคเอกสารแล้ว ในวันที่ 24 กค. 2014 ครับ การไปรับใบรับรองนี่สามารถเซ็นใบมอบอำนาจให้คนอื่นไปรับแทนได้ครับ
การขอวีซ่า สามารถขอได้เลยหลังจากได้รับใบรับรองเลย เพราะสถานทูตออสเตรเลียเริ่มนับโควต้าใหม่ทุกวันที 1 กค. ของทุกปี ** อย่างไรก็ตาม การได้รับใบรับรองไม่ได้แปลว่าได้วีซ่านะครับ** อ่านเพิ่มเติม เหตุผลที่ "ได้ใบรับรอง" ไม่เท่ากับ "ได้วีซ่า"
Working Holiday Scheme New Zealand
ทางของ New Zealand สท.เปิดรับอีก 130 คน (Quota ของสถานทูตนิวซีแลนด์ = 100)
สำหรับนิวซีแลนด์โควต้าจะแบ่งเป็นสองส่วนเช่นกัน ดังนี้ครับ
- 100 คนแรก หรือผู้ได้ลำดับที่ 1 ถึง 100 จะมีสิทธิ์นำใบรับรองไปยื่นขอวีซ่าได้ทันที แต่จะต้องยื่นวีซ่าภายใน 6 เดือนภายหลังได้รับใบรับรองจากสท. . โดยใบรับรองจะมีอายุระหว่าง 24 กค. 2014 ถึง 24 มค. 2015 ดังนั้นจะต้องยื่นวีซ่าภายในช่วงเวลาที่กำหนดครับ
- ลำดับที่ 101 ถึง 130 จะเป็นเหมือนโควต้าสำรองยังไม่มีสิทธิ์ยื่นทันที
หากครบกำหนด 6 เดือนแล้ว 100 คนแรกนี้ไม่ไปยื่น ใบรับรองเหล่านั้นก็จะหมดอายุไป และหากโควต้ายังไม่เต็ม 100 คน ทางสท.ก็จะคุยกับสถานทูตและประกาศให้ผู้มีมีใบรับรอง (ฉบับที่ 101 ถึง 130) ไปใช้สิทธิ์ยื่นวีซ่าของตัวเองได้ โดยใบรับรองเซตนี้จะมีอายุระหว่าง 1 มีค. 2015 ถึง 30 มิย. 2015 ครับ
**ทั้งนี้เราไม่สามารถขอใบรับรองสำหรับทั้งสองประเทศพร้อมกันในปีเดียวได้ครับ ถ้าใครทำแล้วสท.เค้าตรวจเจอจะถูกตัดสิทธิ์ทั้งสองโครงการไปเลยครับ ดังนั้นต้องตัดสินใจให้ดีๆ ก่อนสมัครครับว่าจะไปไหน**
การยื่นวีซ่า สถานทูตนิวซีแลนด์กำหนดให้เริ่มยิ่นวีซ่าได้ตั้งแต่วันที่ 16 กค. 2014 ครับ บางคนก็ยื่นวีซ่าไปแล้วก่อนล่วงหน้า ซึ่งต้องส่งเอกสารตามไปทีหลังในกรณีขอใบสท.ได้ครับ
หลักฐานที่ต้องเตรียม สำหรับทั้งสองโครงการจะมีหลักฐานหลักๆ สองอย่างที่จะต้องแสกนไปด้วยได้แก่ 1) ภาพถ่ายขนาด 1 นิ้ว : เนื่องจากในรอบสัมภาษณ์กับสท. กำหนดไว้ให้ใช้รูปถ่าย 1 นิ้วดังนั้นภาพที่กำหนดไว้ตรงนี้จะเป็นภาพ 1 นิ้วไปด้วย สำหรับผู้ที่มีรูปถ่ายสองนิ้วใช้ได้เหมือนกันระบบจะจัดการให้เองครับ (คือสรุปว่านำรูปถ่ายติดบัตรมาแสกน)
ข้อแนะนำ แสกนรูปถ่ายไว้ในรูปแบบ jpg ใครแสกนรูปภาพมาแล้วได้ไฟล์ใหญ่ลองใช้ Photoshop resize ดูนะครับ สำหรับ รูปถ่ายนี่จะมีโปรแกรมช่วยอีกตัวชื่อ Easy Thumbnail ดาวน์โหลดฟรี ที่นี่ ครับ 2) ผลภาษาอังกฤษ :
สิ่งที่สำคัญที่ต้องแนบไปด้วยอีกอย่างก็คือ ผลภาษาอังกฤษ อย่างใดอย่างนึง ในรายการต่อไปนี้ครับ
- ผล IELTS 4.5
- ผล TOEFL 133 สำหรับ computer based, หรือ 450 สำหรับ paper based test or หรือ 45-46 สำหรับ internet-based test (Australia Only)
**ผลเหล่านี้ต้องอายุไม่เกิน 2 ปี ทั้งตอนยื่นกับสท. และยื่นกับสถานทูตนะครับ** ***สำหรับปี 2013 สถานทูตนิวซีแลนด์ ประกาศไม่รับ TOEFL แล้วครับ***
- หลักฐานการเรียนระดับ Post secondary school (ปริญญาตรีและ dioloma ได้ครับ) ที่มีระยะเวลาของคอร์สเรียนไม่ต่ำกว่าสองปี (ในกรณีเรียนในไทย) โดยโปรแกรมที่เรียนจะต้องมีการสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด (เอกภาษาอังกฤษ แต่โปรแกรมภาษาไทย ไม่ได้นะครับ) หรือใบที่จบระดับ Diploma ขึ้นไปในออสเตรเลียครับ
คลิกเพื่อดูตัวอย่างใบรับรองว่าเรียน English Program อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ หลักฐานทางด้านภาษา
**ประเภทของไฟล์ภาพที่จะอัพโหลดควรจะต้องเป็น jpeg ครับ** [ในเอกสารของทางสท.บอกว่า เป็น jpeg/png หรือ gif ครับ แต่เทียบกับ jpeg แล้ว png หรือ gif จะมีขนาดใหญ่กว่าดังนั้นใช้ jpeg ก็ง่ายดีครับ]
เมื่อทราบกำหนดการและเอกสารที่ต้องเตรียมแล้ว เรามาดูกันว่าต้องกรอกข้อมูลอะไรกันบ้างที่ไหน อย่างไรครับ :)
สำหรับข้อแนะนำอื่นๆในการกดโควต้าออนไลน์สามารถอ่านได้ในลิงค์ด้านล่างครับ
ข้อแนะนำในการกดโควต้า WAH/WHS Online
การสมัครและการกรอกข้อมูล
1. เข้าเวปไซต์ สท. หรือ Direct Link 2. คลิก "โครงการความร่วมมือระหว่างไทย - ออสเตรเลีย - นิวซีแลนด์ (Work and Holiday Visas & Working Holiday Scheme) 3. เวปไซต์จะพาเรามาหน้านี้ครับ (ถ้าคลิก Direct Link ก็จะพามาที่นี่เลยเช่นกัน)
4. จากนั้นให้กด "คลิกที่นี่" ดังภาพ (ด้านบน) แล้วระบบจะพาเราไปยังหน้าถัดไป ซึ่งจะมีชื่อโครงการให้เลือกว่าจะสมัคร Work and Holiday Australia หรือ Working Holiday New Zealand ดังภาพด้านล่างครับ
5. เมื่อเราคลิกสมัครไปแล้วหน้าจอต่อไปจะให้เรากรอกหมายเลขบัตรประชาชน
ในการกรอกหมายเลขบัตร จะต้องกรอกให้ถูกเป๊ะ ถ้าพลาดระบบจะเตือนมา และเราต้องกรอกใหม่ซึ่งจะเป็นการเสียเวลาดังนั้นพยายามกรอกให้ถูกๆ แต่ต้นไป เลยดีกว่า
6. เมื่อกรอกถูกต้องระบบจะพาเราไปยังหน้า ยอมรับข้อตกลง ให้ติ๊กเลือก "ยอมรับข้อตกลง" และคลิก "ยืนยัน" ครับ
7. เมื่อยอมรับข้อตกลงกันเสร็จแล้ว เราจะสามารถเริ่มกรอกข้อมูลได้เลยครับ
รายละเอียดที่ต้องกรอกในหน้านี้ครับ:
**เวลากรอกดูดีๆ ว่าตัวไหนจำเป็นต้องกรอก จะมีดอกจันทร์อยู่ครับ (ตามรูปนะครับ ไม่ใช่ตามลิสต์ด้านล่าง)**
รายละเอียดส่วนตัว 1) รูป : Browse แล้วเลือกรูปไว้ก่อนเลยจะได้ไม่ลืมครับ 2) คำนำหน้าชื่อภาษาไทย 3) ชื่อ และ นามสกุล 4) คำนำหน้าภษาอังกฤษ 5) ชื่อ และนามสกุลภาษาอังกฤษตัวพิมพ์ใหญ่่ 6) เพศ 7) เชื้อชาติ 8) สัญชาติ 9) ศาสนา 10) วันเดือนปีเกิด : ให้ระบุเป็น ddmmyyyy ใบรูปแบบพศ. เช่นเกิด 11 มีค. 2530 ก็เป็น 11032530 11) อายุ : คำนวนไว้เลยตอนก่อนกรอกเลยก็ได้ว่าตอนนี้กี่ขวบกับอีกกี่เดือนแล้ว 12) สภานภาพ
ที่อยู่ปัจจุบัน (ที่ๆอยู่จริงๆ) 13) เลขที่ 14) หมู่ที่ 15) สถานที่ : หมายถึงชื่อตึก ชื่ออพาร์ทเมนท์ 16) ตรอก/ซอย ** สำหรับ ตำบล อำเภอ จังหวัด ให้พิมพ์ตำบลอย่างเดียว แล้วระบบจะเลือก อำเภอและจังหวัดมาให้เอง : ถ้าพิมพ์เองไปจะใช้ไม่ได้ครับ ต้องให้ระบบเลือก** 17) ตำบล/แขวง** 18) อำเภอ/เขต** 19) จังหวัด ** 20) รหัสไปรษณีย์ 21) โทรศัพท์บ้าน 22) โทรศัพท์มือถือ 23) โทรสาร 24) email
รายละเอียดเบื้องต้น (การศึกษา/อาชีพ) อาชีพ 25) อาชีพ 26) ตำแหน่ง 27) สถานที่ทำงาน 28) โทรศํพท์ 29) โทรสาร 30) ระยะเวลาการทำงาน การศึกษาสูงสูด 31) สถาบัน 32) วุฒิ : มี drop down list ให้เลือก 33) สาขา
34. ทักษะการใช้ภาษาอังกฤษ : เลือกอย่างใดอย่างนึง ระหว่าง
- ผลการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษ (IELTS/TOEFL: โดยมี ผลคะแนน/วันที่ผลออก/วันหมดอายุ เตรียมไว้ให้พร้อม : format วันแบบเดิม ;11 ธค. 2553 = 11122553)
- หลักฐานทางการศึกษา : เลือกประเภทหลักฐานและอย่าลืมแบนไฟล์นะครับ
35. บุคคลที่ติดต่อได้กรณีฉุกเฉิน : กรอกเลขที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล ความสัมพันธ์ รายละเอียด ช่องทางติดต่อ
รายละเอียดเกี่ยวกับบิดามารดา 36. ข้อมูลบิดา : เลชที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล อายุ อาชีพ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง ช่องทางต่ิดต่อ 37. ข้อมูลมารดา : เลชที่บัตรประชาชน คำนำหน้า ชื่อ นามสกุล อายุ อาชีพ สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง ช่องทางต่ิดต่อ
บุคคล/หน่วยงานที่ท่านรู้จักในประเทศที่ท่าจะไป (ถ้ามี) 38. ถ้าไม่มีก็เว้นว่างไว้ ถ้ามีและคิดว่าเค้าจะเป็น reference ให้เราได้ถึงค่อยใส่ไป 39. แผนการเดินทาง เขียนประมาณ 1 หน้ากระดาษเอสี่ครับ ใช้ได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ แต่ไหนๆก็จะต้องเขียนภาษาอังกฤษให้สถานทูตแล้ว เขียนไว้เลยก็ดี แต่ถ้าใครเขียนอังกฤษไม่ทัน สท. ไม่ว่าอะไรกับเวอร์ชันภาษาไทยครับ
อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่าผมคิดว่าการนำตัวอย่างแผนการเดินทางมาแปะไว้ให้เลยอาจจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดีเพราะอาจจะมีบางคนที่ก้อปไปใช้เลยโดยไม่เปลี่ยนรายละเอียด ถ้าส่งกันไปแบบนั้นเลยจะไม่ส่งผลดีแน่ๆ ครับ
หน้าสุดท้ายที่ต้องกรอกข้อมูลแล้ว อีกนิดเดียวว :)
บันทึกข้อตกลง
40. เขียนที่ : ชื่อสถานที่
41. วันเดือนปีที่เขียน เช่น 04-07-2554 ข้อมูลตรงนี้ถ้าชื่อคุณพ่อหรือคุณแม่เป็นผู้ปกครองด้วยก็จะสบายไป แค่ติ๊ก "เหมือนข้อมูลบิดา" หรือ "เหมือนข้อมูลมารดา" และ "เหมือนที่อยู่่ปัจจุบัน" เท่านั้นก็เสร็จแล้ว ในกรณีที่ผู้ปกครองไม่ใช่คุณพ่อคุณแม่ก็ต้องกรอกตรงนี้เป็นใบบันทุึกข้อตกลงครับ
42. วันที่ตรวจสอบเอกสารและวันสัมภาษณ์ มี drop down list ให้เลือกจาก วันที่มีสัมภาษณ์ของทั้งสองโครงการในกรณีวันที่มีคนจองเต็มแล้วจะเลือกไม่ได้ครับ
43. หลักฐานประกอบการสมัคร เราจะนำอะไรไปบ้างให้เลือกไปด้วยเลยจากในลิสต์ในภาพครับ
- IELTS/TOEFL หรือผลการเรียนก็เลือกเอาอย่างใดอย่างนึงครับ - หลักฐานการเงินของออส 5000 AUD ของนิว 7000 NZD ครับ - แล้วก็สรุปกันว่า TOEIC ใช้ไม่ได้แล้ว แต่ในนี้ยังมีอยู่ก็ไม่ต้องไปคลิกนะครับ
เมื่อกรอกข้อมูลและตรวจสอบเสร็จแล้ว ให้คลิก "บันทึกข้อมูล" ก็เป็นอันเสร็จครับ ระบบจะพาเรามาหน้านี้ เพื่อแสดงรายละเอียดและบอกว่าเราได้ลำดับที่เท่าไหร่ โดยคอนเฟิร์มถึงรายละเอียดวันสัมภาษณ์ที่ได้กรอกไปด้วย
เราสามารถเลือกปรินต์ทั้งใบสมัคร และ ใบบันทึกข้อตกลงที่กรอกไปก่อนหน้านี้มาได้เลยจากหน้านี้เช่นกันครับ :)
สำหรับผู้ที่ยังไม่สะดวกปรินต์ให้เซฟไฟล์เก็บเอาไว้ได้ครับ
หลังจากสัมภาษณ์เสร็จเรายังเข้ามาเชคสถานะเราได้เสมอครับ โดยการเข้ามาที่หน้าเดิมแล้วใช้เลขบัตรประชาชน เป็นตัวลอกอิน และจะสามารถเข้ามาเชคได้ดังนี้ครับ
เมื่อระบุเลขประจําตัวประชาชนแล้ว จะพบหน้าจอแสดงสถานะการพิจารณา ดังภาพครับ
ขั้นตอนคร่าวๆ ไม่ยากอะไรครับ ที่ยากคือจองให้ทันกันนี่แหละ
ยังไงทุกคนสู้ๆ ครับ :)
Updated by Vnuch l Online marketing & Graphic designer l Beyond Study Center l May 2014
|