Community Zone
Review ; เที่ยวบินราคาประหยัด Jetstar BKK-AKL
โดย : zgamez   (15 August 2011) จำนวนผู้เข้าชม 31171 คน

Jetstar Bangkok-Auckland
สวัสดีครับ
ตามที่สัญญากันมาตั้งแต่ก่อนผมกลับจาก Auckland แล้วว่าจะมาเขียน review ให้ฟังกันว่าการนั่ง Jetstar เป็นยังไงกันบ้าง ในที่สุดก็เขียนเสร็จซะที เย้ เพื่อไม่เป็นการเสียเวลาไปอ่านกันเลยดีกว่าครับ :)

การจองตั๋ว
ไปที่หน้าแรกของ Jetstar เลือกจองโดยเลือกรายละเอียดต่างๆ รวมถึงวันที่จะบินให้ครบ หากมีโปรโมชันอยู่ในช่วงนั้น ในหน้าถัดไปก็จะแสดงราคาโปรโมชันด้วยครับ

จากรูป : ตรงที่วงกรอบสีน้ำเงินคือส่วนที่เราจะจอง ส่วนที่เป็นกรอบสีแดงจะเป็นโปรโมชันต่างๆ


ตั๋วโปรโมชัน
ตั๋วของ Jetstar ปกติก็ได้ชื่อว่าราคาถูกอยู่แล้ว เพราะเป็น Low Cost Airline แต่จะถูกเป็นพิเศษในช่วงที่มีโปรโมชันต่างๆ อย่างช่วงที่ผ่านมาที่หลายๆคนอาจจะได้จองไปพร้อมกันกับผมก็คือตั๋วเที่ยวเดียว BKK-AKL ราวๆ 5700 บาทเท่านั้น! ซึ่งถ้ามาเทียบกันกับตั๋วราคาปกติจะของ Jetstar จะอยู่ที่ราวๆ 12,000 บาทครับ จะเห็นได้ว่าถูกลงประมาณ 50% เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามตั๋วโปรโมชันมักจะมีข้อจำกัดต่างๆ เช่น ต้องบินในช่วงนี้เท่านั้นเป็นต้น ดังนั้นการจองตั๋วโปรโมชันจึงเหมาะกับคนที่วางแผนไว้แล้ว หรือสามารถปรับแผนให้เข้ากับเวลาที่ต้องบินได้ครับ

รายละเอียดในการจอง

หลังจากเลือก flight ที่ต้องการแล้ว ระบบจะพาเรามาหน้าจอนี้ครับ ซึ่งจะมีให้เราเลือกดูได้ว่าวันที่เราเลือก และวันใกล้เคียงราคาต่างกันมากน้อยขนาดไหน

จะมีให้เราเลือกหลักๆ คือ Starter และ Business ซึ่งไหนๆก็จะบิน Low cost เราก็เลือก starter ดีกว่าจะได้ตรงกับวัตถุประสงค์ :> เรายังสามารถเลือก flight ในวันนั้นๆได้ และดูรายละเอียดได้ว่าบินทั้งหมดกี่ชม. (ในรูปเป็น 19.30 ชม. ซึ่งค่อนข้างนานเพราะรวมเวลา transit ที่ Singapore ไปด้วยครับ)


จากนั้นพอเราเลือก starter มาก็จะมีรายละเอียด และออปชันต่างๆให้เลือกมากมาย เช่นว่าจะเพิ่มน้ำหนักมั้ย (ปกติ Starter นี่ได้แค่ Carry-on 10 กิโลเอง) ถ้าเพิ่มอีก 20 Kg

ก็เพิ่มอีก 1100 บาท / หรือจะเป็นออปชันพิเศษที่ไม่เสียค่าธรรมเนียมในการเลื่อนหรือเปลี่ยนตั๋ว หรือแม้กระทั่งทำให้ตั๋วเป็น refundable เลยด้วย เป็นต้น

หลังจากเลือกเสร็จหมดระบบก็จะให้เราเชครายละเอียดดังภาพด้านล่างใน Booking Summary ครับ

จากภาพผมเลือกไปสอง flights เป็นไปกลับครับ ที่ว่าสอง flights คือ BKK-AKL และ AKL-BKK แต่จริงๆแล้วต้องบินกันถึง 4 flights คือ BKK-SIN / SIN-AKL / AKL-SIN / SIN-BKK ตามลำดับครับ

การเลือกที่นั่ง

เครื่องของ Jetstar ที่ใช้ในการบินไป AKL จะมีสองแบบคือ A320 และ A330

โดย A320 คือเครื่องเล็ก ใช้บินระยะสั้น เช่น Bangkok to Singapore
แถวนึงใน A320 จะมี 6 ที่นั่งเหมือนดังรูปด้านล่างครับ คือ A-F

และ A330 จะเป็นเครื่องที่ใหญ่ขึ้น มีสิบที่นั่งในหนึ่งแถว A ถึง H ใช้บินในระยะยาว ในที่นี้คือ Singapore to Auckland

รูปที่ใช้ประกอบการเลือกที่นั่งจะเป็นแบบ Bird Eye View ดังภาพด้านล่างครับ (ด้านบนของภาพคือหัวเครื่องบิน และด้านใต้ของภาพคือทางหาง ฝั่งริมคือปีกทั้งสองข้าง : ในรูปเป็นของ A320)

เลขที่นั่งจะไล่เป็นแถวๆ เริ่มจาก 1 และ ที่นั่งจะไล่จาก A-F (ถ้า A330 ก็จะไล่เยอะกว่านี้คือ A-C / D-G / F-H


การเลือกที่นั่งนี่แล้วแต่คนชอบครับว่าจะนั่งตรงไหนยังไง ส่วนตัวผมชอบนั่งติดหน้าต่างมากกว่า เพราะชอบเห็นวิว :)

Jetstar จะ board หรือเรียกผู้โดยสารที่อยู่เลขหลังๆขึ้นก่อนครับ เช่น 9A ก็จะได้ขึ้นก่อน 1B เพราะให้ขึ้นเครื่องโดยเริ่มจากหลังเครื่องไปยังหน้าเครื่อง (แต่ถ้าช่วงจะลงจากเครื่องใครอยู่หน้าก็ลงก่อนสลับกันไป ดังนั้นก็แล้วแต่ว่าใครชอบอะไรชอบขึ้นก่อน หรือชอบลงก่อน ถ้าอยากลงเร็วๆตอนขึ้นก็รอนานนิดนึงครับ :)

สำหรับการจองตั๋วไม่ได้มีอะไรวุ่นวายมาก ผมจึงลงไว้ให้พอเห็นภาพว่าจะบินเวลาประมาณไหนพอนะครับ นั่งกันยังไงนะครับ :)

หลังการจองตั๋วแล้วทาง ช่วงก่อนเดินทาง ทาง Jetstar จะส่งอีเมลล์รายละเอียดมาย้ำกันอีกรอบก่อนบินจริง เพื่อให้เราสามารถ checkin online ได้ครับ ;)


การเดินทางและบริการ

ถ้าพูดถึงที่นั่ง และการบริการที่ Jetstar มี ผมถือว่าโอเคในระดับนึงเลยครับ มีอยู่สามอย่างที่ผมคิดว่าอาจจะต่างกับสายการบินปกติ ได้แก่

1) Transit Time

เที่ยวบิน BKK - AKL ที่ผมบินนี่เดินทางออกจาก BKK เวลา 9.25 และถึง Changi Airport ที่ Singapore เวลา 12.45

แต่จะได้เดินทางออกจาก Changi เวลา 19.50 นั่นหมายถึง transit time จะยาวพอควร คือ 7 ชม.สำหรับขาไป

(และจะยาวเข้าไปอีกสำหรับขากลับจาก Auckland : คือถึง Changi ราวๆ 6 โมงกว่าตอนเย็น แต่จะบินจริงๆตอน 7 โมงเช้า รอกันไป 13 ชม.)

การ Transfer / Transit

การ Transfer ที่ Changi :ปกติแล้วจะต้องดูว่าเรามี Boarding Pass เที่ยวต่อไปแล้วหรือยัง แต่โดยปกติสนามบินที่ไทยจะให้มาด้วยเลย (คือไปเชคอินที่สุวรรณภูมิแล้วเค้าก็ปรินต์ BKK-SIN และ SIN-AKL มาให้) ถ้ามีแล้วเราก็ไม่ต้องทำอะไร แค่รอเวลาดูว่าเราต้องไปเดินทางออกจาก Gate ไหนเฉยๆครับ

แต่ถ้าไม่มี Boarding pass มา เราต้องไปที่ Transfer counter C หรือ D (เดินออกมาจาก gate เราเเปบเดียวก็เจอ) ครับ

ปกติแล้วเที่ยวบินของเราจะโชว์บน screen 2 ชม.ก่อนบิน ดังนั้นการที่เราต้องรอเปลี่ยนเครื่องนานๆไม่ต้องตกใจครับว่าไม่มีเที่ยวบินเรา :> รอไปจนถึงเวลาใกล้ๆบินก็จะมีบอกขึ้นมาเองไม่ต้องรีบแต่อย่างใด

How to survive at Changi Airport Singapore

สำหรับ trip กลางวันที่เราไปรอเที่ยวบิน Singapore ไป Auckland ยังพอโอเคว่า เรารอเจ็ดชม. และเป็นเวลากลางวัน แต่ถ้ารอบขากลับจาก Auckland นี่รอ 13 ชม. หลังจากบินมาสัก 8-9 ชม.ตอนกลางคืนนี่เหนื่อยพอควรครับ ดังนั้นจึงขอแนะนำเรื่องการฆ่าเวลาซะเล็กน้อย

WIFI Internet

Changi เป็น Airport ที่ค่อนข้างทันสมัย มี Wifi ให้ใช้ free 4 ชม. (แต่จริงๆหมดก็ไปขอใหม่ได้) โดยจะขอได้จาก Information Desk ครับ แค่นำ passport ไป register (บางรอบเค้าก็บอกว่า that's okay ไม่ต้องใช้พาสปอร์ตก็ได้ให้มาเลย: แต่ตามกติกาต้องทำ)

Internet KIOSK

เป็นคอมพิวเตอร์ให้ใช้ฟรีๆ มี internet ให้ใช้ ไม่ควรใช้เกินครั้งละ 15 นาที (จริงๆเครื่องมันก้กำหนดไว้อยู่แล้ว) โดยเฉพาะเวลากลางวันที่ผู้คนพลุกพล่าน เพราะคนอื่นเค้าก็มีธุระต้องใช้เหมือนกัน
จริงๆ Internet Kiosk นี่ฆ่าเวลาได้ดีมากในการเล่น Facebook ดูเรื่องชาวบ้าน แต่ว่าจะไปใช้เล่นนานๆก็เกรงใจคนอื่นเค้า : ผมเองไปนั่งเล่นเยอะหน่อยในรอบที่รอเครื่องกลับกรุงเทพเพราะตอนนั้นเป็นช่วงตีสี่ คนน้อยมากจึงเล่นรอเวลาไปได้ครับ :)

ร้านอาหารต่างๆ

ใน Changi มีร้านอาหาร และกาแฟหลายร้านที่เปิด 24 ชม.ครับ ดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าจะหิว :) เพียงแต่อาหารในสนามบินก็ไม่ใช่จะราคาถูกสักเท่าไหร่ ถ้านั่งรอนานๆและเป็นคนกินเก่งก็อาจจะหมดเงินไปได้เยอะ

มีทั้งอาหารจีน อาหารมาเล ตลอดจน fastfood ที่เราคุ้นเคยกันครับ :)

น้ำดื่ม

เนื่องจากน้ำดื่มมีราคาค่อนข้างแพงทั้งบนเครื่องและที่ Changi คนที่เค้าเดินทางกันบ่อยๆก็จะมีพกขวดน้ำติดตัวกัน : ซึ่งก่อนจะเข้าไปเชคอินตรง security เราก็ต้องดื่มให้หมด เพราะห้ามนำของเหลวเกิน 100 ml ขึ้นไปในโซนเชคอิน (แต่หลังจาก boarding เข้าไปแล้ว ก็มีน้ำให้เติมอยู่ดี) ดังนั้นขวดเปล่าจึงเป็นอุปกรณ์เอาชีวิตรอดอย่างนึงที่ช่วยประหยัดไปได้เยอะครับ :)

Transit Hotel

ที่ Changi จะมี Transit Hotel ราคาประหยัดอยู่ คือ Ambassador Transit Hotel ซึ่งค่าห้องจะอยู่ที่ 41.25 SGD หรือราวๆ 1000 บาทต่อ 6 ชม.ในราคาประหยัดสุดครับ

ห้องออกแนวน่ากลัวนิดนึง (สำหรับห้องราคาประหยัด) คิอเป็นห้องแคบๆ มีเตียง มีโคมไฟ มีน้ำให้ขวดนึง และก็มีทีวี

อาบน้ำจะต้องเข้าไปอาบในฟิตเนสข้างๆครับ (มีห้องอีกราคาที่คงดีกว่านี้ เพราะมีห้องน้ำในตัว ราคาก็จะประมาณ 60 AUD แต่แค่พักชั่วคราวเฉยๆยังไงก็ได้ อิอิ) ถือเป็นอีกออปชันนึงสำหรับคนขี้เกียจถือของไปมา และอยากพักผ่อนครับ : แต่ห้องมันดูเหมือนห้องปิดตายไปหน่อย ผมไปเชคอินตอนสี่ทุ่มแทบจะไม่กล้านอน ต้องเปิดทีวีดูและหลับไปทั้งยังงั้น lol

ปล. ในห้องจะมีที่ชาร์จไฟให้ แต่ไม่มี adaptor สำหรับแปลงปลั๊กเราให้เสียบได้ให้ โทรไปขอที่ reception แล้วเค้าก้ไม่มีให้ (ซึ่งแม้ในสนามบินจะมีปลั๊กแบบที่เครื่องไฟฟ้าจากไทยใช้ได้เลย แต่ในห้องในโรงเเรมไม่มี ผมกะว่าจะชาร์จแบตมือถือ เลยได้แต่ชาร์จแบตตัวเอง)

Mobile Phone Charger

เนื่องจากมือถือที่สามารถเล่น internet ได้ เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างนึงในการฆ่าเวลา (ผมเล่น BlastMonkeys กับ Fruit Ninja ไปจนแบตหมดเลย)

Free Charging เป็นบริการชาร์จมือถือสำหรับคนที่แบตหมด โดยให้ดูยี่ห้อมือถือของตัวเอง และเปิดตู้เล็กๆนี้ จากนั้นก็เลือกสายชาร์จที่ตรงกับรุ่นของตัวเอง

เสียบทิ้งไว้ และล็อคไว้ เเล้วเก็บกุญแจไปด้วย เท่านี้ก็ชาร์จไว้ได้อย่างปลอดภัยครับ :)

ปล. จริงๆมีปลั๊กให้เสียบชาร์จอยู่แล้วนะครับ แต่ว่าอันนี้เราไม่ต้องเฝ้าระหว่างชาร์จ ไปทำอย่างอื่นรอได้เลย :)

Transit Lougne

เป็นที่นั่งชิวๆดูทีวีหรือจะนั่งพัก นั่งงีบสักหน่อยก็ได้ :)

Currency Exchange Counter

ไม่ใช่ทุกร้านใน Airport ที่จะรับเงิน NZD หรือเงินชาติอื่นๆ ดังนั้นแลกเงิน SG มาด้วยก็ดีครับ

อย่างไรก็ตาม เหมือนสนามบินอื่นๆ ที่เค้าจะมี Currency Exchange Counter ให้อยู่แล้ว แต่เรทก็จะแพงนิดนึงครับ :)


2) อาหารและบริการบนเครื่อง

ด้วยความเป็นสายการบิน Low cost จึงต้องตัดทุกอย่างที่ทำให้ค่าตั๋วถูกลง Jetstar จึงไม่มีบริการอาหารเครื่องดื่มให้เลยตลอดระยะเวลาการบินกว่า 19 ชั่วโมงถึง Auckland นี้

เราสามารถ pre-order อาหารบนเครื่องได้ เมื่อกี้ผมเชคแล้วอยู่ที่มื้อละ 800 บาท มีให้สั่งเฉพาะเที่ยวบินยาวๆเท่านั้น (BKK-SIN หรือ SIN-BKK ไม่มี)

ในกรณีเราไม่ได้สั่งไว้ แต่เกิดหิวขึ้นมาเราก็สามารถสั่งอาหาร หรือขนมขบเคี้ยวทานได้บนเครื่อง

Survival Tips :

- อาหารเช่นขนมขบเคี้ยวเราอาจจะติดตัวไปได้บ้าง แต่ถ้าจะซื้อบนเครื่องจะต้องมี Credit Card เท่านั้น และ Jetstart คิดเราเป็น AUD ครับ ราคาขนมขบเคี้ยว เช่น Pringles และ Cookies (เป็นคุกกี้ของออสเตรเลีย ชื่อ Byron Bay Cookie Bar อร่อยดีครับ มีขายทั่วไปในออสเตรเลีย) ถั่วต่างๆ จะอยู่ที่ประมาณ 3-5 AUD และอาหารที่อิ่มๆหน่อย เช่น Chicken wrap และอาหารอื่นๆจะอยู่ที่ 8-15 AUD โดยประมาณ

- มี Inflight Entertainment ให้ดูแต่ต้องเสียเงินเช่นกัน (15 AUD) จะเป็นเครื่องเล็กๆประมาณ iPAD เอาไว้ดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์ได้ครับ แก้เบื่อได้ดีพอควรทีเดียว
สามารถชำระค่ายืมเครื่องได้โดยบัตรเครดิตเหมือนกัน โดยเราจะต้องเอา Photo ID ใบนึงให้เค้าครับ (Passport ไม่ได้ แต่บัตรประชาชนได้ครับ)

- ถ้าจะประหยัดจริงๆ ไม่ต้องซื้อก็ได้ แต่ผมว่าเดินทางนานๆบางทีก็น่าเบื่อ 15 AUD ก็ไม่แพงไปสำหรับการฆ่าเวลาดูหนังสักเรื่องสองเรื่องครับ อิอิ

- บนเครื่องมีน้ำดื่มให้ฟรี สำหรับคนที่ไม่อยากจ่ายอะไรเพิ่มเติม สามารถดื่มน้ำประทังชีวิตได้ (แต่จะหิวมากเลย)

3) Carry-on / Checked-in Bags

ตั๋วราคาประหยัดสุดของ Jetstar จะไม่อนุญาตให้มี Checkin bags ครับ เราจะได้รับอนุญาตให้ถือไปแค่ carry-on bag ขึ้นเครื่องไปเท่านั้น น้ำหนักของ Carry-on จะต้อง ไม่เกิน 10 kg (เกินบ้างเล็กน้อยเค้าพออลุ้มอล่วย แต่ถ้าแบบกระเป๋าใหญ่เบิ้มเลยก็ไม่ไหว)

ดุรายละเอียดของ Carry-on Baggage เพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ Carry on Baggage

ถ้าจะมีกระเป๋าที่ต้องเชคอินจะต้องชำระเงินเพิ่ม 1,100 บาท ซึ่งถ้าไม่ได้เดินทางไปเที่ยวสั้นๆ แต่ไป Working Holiday ปีนึง ซื้อแบบ Checkin ไปด้วยดีกว่าเพราะได้เพิ่มอีก 20 kg ครับ (หรือจะซื้อน้ำหนักเพิ่มอีกก็ได้)

**เรื่องสำคัญอีกเรื่องสำหรับคนที่ไม่ได้ซื้อน้ำหนักเพิ่ม คือจะไม่มีกระเป๋าเชคอิน เราจะต้องระวังว่าเราไม่สามารถนำอะไรที่เป็นของเหลว เจล spray ที่มีปริมาตรรวมเกิน 100 ml ขึ้นเครื่องได้ : ผมเองยังสะเพราะเพราะของกลับจาก Auckland ลืมข้อนี้ไป เพราะปกติเรามีกระเป๋าเชคอินตลอด เลยไปซื้อของฝากเป็นน้ำผึ้ง manuka honey สองกระปุกจากร้านของที่ระลึก ปรากฎว่าโดนโยนทิ้งแบบไม่ใยดี TvT 120 NZD เเน่ะ ยังแอบเสียดาย

Arriving in Auckland

ไม่มีอะไรพิเศษมากครับ ตรง Duty ของ Auckland International Airport จะเงียบมาก แต่พอออกมาหลังจากเชคของ เชคกระเป๋า ตรวจใบตรวจคนเข้าเมืองแล้ว ก็จะออกมาสู่ Airport จริงๆ คนก็จะเยอะและคึกคักดี (จริงๆผมแอบเก้บใบ Arrival Card ไว้แต่ยังหาไม่เจอ ว่าจะมาโพสให้เห็นหน้าตาว่าต้องกรอกอะไรบ้าง)

เราสามารถนั่งรถ Airbus เข้าไปในเมืองได้เลยครับ ถ้าตั๋วเที่ยวเดียว 16 NZD สะดวกดี เข้าไปดูรายละเอียดได้ในเวปเค้าครับ Airbus Express

ถ้านั่งรถแทกซี่จะอยู่ที่ราวๆ 60 NZD ครับ ดังนั้นถ้าไปคนเดียวนั่ง Airbus สบายกระเป๋ากว่าเยอะ :)

Airport อยู่ห่างจากตัวเมืองราวๆ 40-45 นาทีครับ :)

================================================================================================

ปกติแล้วผมบิน Jetstar แค่ Domestic Flights เท่านั้น (ในออสเตรเลีย) แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บินกับ Jetstar ยาวๆครับ นอกจากเรื่องต้องรอ transit นานแล้ว ถือว่าบริการโอเคครับ

หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่กำลังจะเดินทางให้พอเห็นภาพของทริปที่กำลังจะไปกันบ้างครับ :)

เกมส์

Blog ที่เกี่ยวข้อง
ดูทั้งหมด
Webboard ที่เกี่ยวข้อง
0
0
0
0
0
ดูทั้งหมด
03 No.
01 No.
รบกวนถามหน่อยคร้า สายการบินจำกัดจำนวนกระเป๋าเช็คอินหรือป่าวคร้า แบบว่าจะมีกระเป๋าอีกใบใส่ของกินและอื่นๆ แยกต่างหากจากกระเป๋าเสื้อผ้า เพื่อสะดวกเวลา declare อ่ะค่ะ ไม่รู้สายการบินให้หรือป่าว
reply    report
02 No.
รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ ได้ยินมาว่าสายการบิน Jetstar จะมีให้เช่า IPAD บนเครื่องบินด้วยหรอค่ะ ไม่ทราบว่าบินไปที่ไหนบ้างค่ะ ใครทราบช่วยตอบหน่อยค่ะ ขอบคุณมากค่ะ
reply    report

Social Network


 
Advertrising