

เป้าหมายแรกของเด็ก WAH ส่วนใหญ่มักจะเป็นเมืองใหญ่ๆ เช่น Sydney และ Melbourne ส่วนน้อยลงไปอาจจะไป Perth บ้าง Adelaide , Brisbane และ Gold Coast แต่น้อยคนักที่จะไปผจญชีวิตใน Northern Territory (NT) ที่ได้ชื่อว่าดิบที่สุด มาคุยกับศืษย์เก่า WAH ที่เลือกใช้ชิตในเมืองหลวงของ NT, Darwin กันครับ
สวัสดีครับ รบกวนช่วย แนะนำตัวเองก่อนเลยครับ ชื่ออะไร และตอนนี้ทำอะไรอยู่ครับ
สวัสดีครับ ชื่อ พิทักษ์ ปักเขตานัง ครับชื่อเล่น เอ็ม ครับ ก็เอาวันเกิดด้วยเปล่า (เผื่อได้ของขวัญ อิอิ) เป็นชาวจังหวัดมหาสารคาม จบการศึกษาระดับ ป.ตรี จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม สาขาภาษาอังกฤษ และก็เพิ่งจบ Certificate in Hospitality จาก Charles Darwin University ออสเตรเลีย และก็ตอนนี้กำลังเรียน Advanced Diploma in Hospitality Management ที่ The Casino School, International College of Advanced Education ที่ Darwin, Australia ครับ
ถามย้อนนิดนึงครับว่าทำไมตอนนั้นถึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการ work and holiday ในปี 2008
ก็จริงๆ แล้ว ออสเตรเลียเป็นประเทศที่ผมอยากไปมากประเทศนึงตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสไป แล้วพอดี สท มีโครงการดีๆ มาเราก็ถือโอกาสใช้ความสามารถและความรู้ที่เรามีให้เกิดประโยชน์และโอกาสในส่วนที่คนอื่นๆ เค้าอยากทำแต่เค้าก็ไม่มีโอกาส ในเมื่อเรามีโอกาสตรงนี้แล้วทำไมล่ะที่เราจะไม่คว้าไว้ และอีกอย่างผมเองก็เคยเข้าร่วมโครงการ Work and Travel in USA เมื่อปี 2006 และก็เคยไป Working Holiday New Zealand ปี 2007 ของ สท ด้วย ก็เลยคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์มาบ้าง และก็ยังอยากที่จะผจญภัย และใช้ชีวิตในการเรียนรู้ทำงานร่วมกับผู้คนที่มาจากทั่วทุกมุมโลก และเรายังได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฝึกภาษาและ ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเอง ครอบครัวและอนาคตเราอาจจะนำประสบการณ์ของเราไปถ่ายทอดให้คนอื่นๆ ได้ด้วย
เห็นว่าอยู่ใน Darwin ตลอด มีเหตุผลอะไรมั้ยครับที่เลือกเมืองนี้แทนที่จะไปเมืองใหญ่ๆ เช่น Sydney, Melbourne เหมือนคนอื่นๆ
ก็แรกๆแล้วจริงๆ ก็อยากไป Sydney เพราะเมืองใหญ่น่าจะหางานได้ไม่ยาก แต่พอลอง หาข้อมูลดูในเนต และฟังๆ จากเพื่อนๆ ทั้งที่อยู่ Sydney และที่ไทยว่าเป็นยังไงบ้าง ก็เลยคิดใหม่ คราวนี้เอาไงดีล่ะ.....สักพักพอดีได้คุยกับรุ่นพี่อีก 2 คนที่จบมหาวิทยาลัยเดียวกัน เค้าก็กำลังจะไป work and holiday รุ่นเดียวกัน เหมือนกัน พี่เค้าเคยไปเที่ยว Darwin มาและก็บอกว่า Darwin ไม่เลวนะ เมืองบ้านนอก ร้อนหน่อย แต่ก็หางานไม่ยาก และก็ค่าแรงก็โอเคนะ
ด้วยความที่ว่าเรางบน้อยและอยากลองไปในที่ใหม่ๆ ที่ๆ คนไทยไม่ค่อยรู้จักสิว่า มันจะเป็นยังไง....ก็เลยลอง search ดูใน youtube บ้าง ใน google บ้างว่า Darwin เป็นไงบ้าง....จากข้อมูลที่ได้ ดาร์วิน ร้อน แห้งแล้ง อากาศเหมือนอีสานบ้านเรา และที่สำคัญอัตราการว่างงานต่ำ!! แต่ค่าครองชีพสูงกว่าเมืองใหญ่ๆ ในออสเตรเลียอีก เอาล่ะ เริ่มหาตั๋วเครื่องบิน ปรากฏว่าตั๋วไป Darwin โดย Jetstar ถูกมากๆๆๆๆๆ ตอนนั้นรู้สึกจะซื้อแค่ 6000 บาทเที่ยวเดียว
วันต่อมาก็ตัดสินบอกแม่และเพื่อนๆ ว่า เออ จะไปดาร์วิน นะ...เพื่อนๆ ก็ ดาร์วิน อยู่ส่วนไหนของออสเตรเลียวะ ไรงี้...ผมก็เอาน่าเดี๋ยวไปลองดู...
แล้วชีวิตที่นั่นเป็นยังไงบ้างครับ วันแรกที่ไปถึงรู้สึกยังไงบ้าง เท้าแตะ Darwin ปุ๊บชีวิตเปลี่ยนไปเลยมั้ย?
เอาวันแรกเลยนะ มาถึงสนามบิน ดาร์วิน เฮ้ย! นี่เหรอวะออสเตรเลีย?? ทำไมมันกันดานอย่างงี้วะเนี่ย (แอบนึกในใจแบบเปิดดผยและไม่เสียงดังด้วย) ก็นั่ง taxi ไป ที่พักที่จองไว้ในเนต แต่พอไปถึงกลับเต็มก็เลยบอก taxi งั้นไปที่ไหนก็ได้ taxi ก็เลยพาไป backpacker hostel ในเมืองราคาอยู่ที่ราวๆ 30$ ต่อคืน ก็ระหว่างที่อยู่ backpacker ก็ตระเวนหางานไปด้วย และก็ได้ทั้งงานและที่พักใหม่พร้อมๆ กันภายใน 1 สัปดาห์ โดยรุ่นพี่ที่เดินทางมาด้วยเค้าไปถามน้าคนไทยที่ทำงานร้าน takeaway แห่งนึงและก็พอดีบ้านเค้ามีห้องว่างก็เลยไดไปพักที่นั่นและผมก็ได้งานทันที ถือว่าโชคดีไปเลย ....
อ่อรุ่นพี่ที่เดินทางมาด้วยกันเค้าไปทำงานกับเพื่อนเค้าที่เมือง Katherine และพี่เค้าบอกว่า งานเยอะมาก เพราะมันเป็นเมืองเล็กๆ และคนไทยแทบค่อยไม่มีเลย
พูดถึงเรื่องงาน แล้วก็อยากรุ้ว่าแถวนั้นเค้ามีงานอะไรให้ทำกันบ้างครับ ?
ก็ตอนแรกทำร้านอาหารไทยแห่งหนึ่ง เป็นคนส่ง home คือที่ร้านจะมีทั้ง dining in , takeaway และก็ delivery ก็หน้าที่คือ pack อาหารใส่ห่อแล้วก็ขับรถเอาไปส่งตามบ้านตามที่อยู่ที่ front staff เค้าเขียนมา อาทิตย์แรกก็ยากเหมือนกันเพราะยังไม่ชินกับชื่อถนน และไม่รู้ว่า ย่านไหนเป็นย่านไหน ก็ได้แต่ตามแผนที่ไป...บางทีหาบ้านไม่เจอหาชื่อถนนไม่เจอก็โทรกลับมาถามคนที่รับออเดอร์ แต่ก็ผ่านไปด้วยดี ร้านนี้จ่ายดี ชม. ละ $15 ก็ทำวันละ 5 ชม....
จากนั้น 2 เดือนได้เลื่อนตำแหน่งมาเสริฟ และรับโทรศัพท์เพราะภาษาใช่ได้ (มั้ง) อ่อๆ ลืมไปว่าเริ่มทำร้านกาแฟ ไปด้วยหลังจากที่ทำร้านไทยไป 2 สัปดาห์ สรุปทำ 2 jobs ร้านไทย ให้ $15 ร้านกาแฟ ตอนนั้น start ที่ ชม ละ $ 18.5 (ตอนนี้ได้ ชมละ $20) อันนี้ยังไม่รวมร้าน takeaway อีกร้านที่ทำ วันเสาร์อาทิตย์ ร้านนี้ให้ ชมละ $14 แต่ร้านนี้ทำแค่ 3 เดือนแรก เพราะว่าร้านกาแฟที่ทำอยู่เค้าขาดคนก็เลยได้มาทำร้านกาแฟ เสาร์อาทิตย์ ด้วย และก็ไม่รุ้มาก่อนว่า เสาร์ อาทิตย์ได้อีก rate นึงคือ วันเสาร์ได้ $25 ต่อ ชม วันอาทิตย์ได้ $30 ต่อ ชม.. รุ้งี้ขอทำเสาร์อาทิตย์ด้วยตั้งแต่แรกดีกว่า....คืองานแต่ละร้านก็จะยากแรกๆ และลักษณะงานก็แตกต่างกันและก็ต้องใช้ความอดทน มากๆ ทั้งกับลูกค้า เจ้าของร้าน และเพื่อนร่วมงาน ซึ่ง ใหม่ๆ ก็ทำตามเค้าไปก่อน เค้าพูดอะไรก็ฟังๆ ไป...พอเราเป็นงานแล้ว manager หรือ boss เราเห็นว่าเราทำงานดีเค้าก็เพิ่ม ชม ให้....จนไม่ไหวที่จะทำ...ก็เลยลาออกจากร้านไทยอีกร้านแล้วมาทำร้านกาแฟ...
อ่อ ก็ work and holiday visa เค้าไม่ได้จำกัดชั่วโมงทำงานนี่นา...ก้อเลยทำซะเต็มที่เลย......อ่อ อย่าลืมว่าจ่าย tax 29% นะครับ แต่ก็นะถือว่าเป็นเงินเก็บเพราะยังไงก็เคลม ได้คืน ถึงจะได้ไม่หมดแต่ก็ได้เยอะพอสมควร...
[zgamez's note : จริงๆแล้วเราสามารถจ่ายเรทเท่ากับเด็กนักเรียนทั่วๆไปได้เหมือนกัน หากเราผ่าน Residency Status Test : : ซึ่งทำให้เรากรอก Tax File Declaration Form ได้ว่าเราป็น Resident for Tax Purpose ครับ)
เล่าประสบการ์ณดีๆมาตั้งเยอะ ขอบคุณมากเลยครับ มีไรจะฝากถึงเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ชาว work and holiday บ้างมั้ยครับ
ก็ก่อนอื่นอยากให้ทุกคน เต็มที่กับความสามารถของตนเองและตั้งเป้าหมายไว้สักอย่าง คืออย่างเช่นผมๆ อยากเรียนต่อที่นี่และก็ได้เรียนด้วยน้ำพักน้ำแรงของตัวเอง จากเงินที่เราทำงานได้ อย่าลืมให้พ่อแม่ หรือผู้ปกครองเราก่อน เพราะเราเชื่อว่าผลดีจะตามมาถ้าเรารู้จักบุญคุณคนและก็ เห็นผลจริงๆ ผมให้ตังค์แม่ก้อนแรกที่เก็บได้ และจากนั้นงานการและ เงินก็จะตามมาโดยที่เราไม่ต้องไปดิ้นรนอะไรมาก แค่ใช้ความสามารถของตัวเองให้เต็มที่ อดทนกับปัญหาและอุปสรรค แน่นอน ความเหงา ความไม่เข้าใจระหว่างภาษาและวัฒนธรรม ความขัดแย้งระหว่างเพื่อนร่วมงาน เกิดขึ้นแน่นอน แต่ขอแค่ให้เราทุกคนตั้งใจ ใช้ชีวิตให้เต็มที่แต่ไม่ต้องหวังอะไรที่มันเกินไป และใช่ว่าจะไม่ลองทำ เพราะคนเรามันตามกันทันได้ เรื่องภาษาหากใครคิดว่าตัวเองยังไม่พร้อมเท่าไหร่ ก็ฝึกซะนะครับ เพราะทุกอย่างอยู่ที่เราจะทำให้มันเกิดผลขึ้นมา...ขอให้ทุกคนสนุกกับ 1 ปีในออสเตรเลีย ครับ ถ้ามีอะไรก็ติดต่อผมมาได้ที่ m46eg@hotmail.com
ยินดีให้คำปรึกษาและแนะนำได้ ครับ
credit ภาพประกอบจาก : Vagobondish.com