ข้อแนะนำเล็กน้อยสำหรับคนที่วีซ่าไม่ผ่าน
Game Busaracumwong ( date 0.00.0000 )
สวัสดีครับ หลังจากวันนี้ มีหลายๆคนได้รับ Passport กลับมาบ้านจากสถานทูตหลังจากชะลอความเคลื่อนไหวมานาน ก็ปรากฎว่ามีคนโดน reject ค่อนข้างเยอะด้วยเหตุผลต่างๆกันไป และหลายๆคนนั้นก็อยุ่ในอาการตระหนก ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมมีคำแนะนำดังนี้ครับ 1) ทำใจให้เย็นๆ : เป็นเรื่องปกติที่ยื่นวีซ่า แล้วเรามีสิทธิ์ที่จะได้หรือไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเสียค่าวีซ่าไปแล้วจะต้องได้วีซ่าเท่านั้น อย่างที่ผมบอกมาตลอดว่าเราต้องใจเย็นๆไม่ว่าจะตอนยื่นให้เอกสารครบ ตอนรอให้รออย่างสบายใจทำเป็นลืมไปว่ารอ ที่บอกแบบนี้เพราะเราร้อนใจไปก็ไม่ได้อะไร ไม่มีใครมาเดือดร้อนอะไรกับเรามีแต่เราเองที่จะเดือดร้อนจากความใจร้อนนี้ ต้องตั้งสติให้ดีๆก่อนคิดจะทำอะไรต่อ อย่าไปรีบคิดว่าจะต้องยื่นอีกรอบเลยตอนนี้เลย เตรียมเอกสารให้พร้อมจริงๆก่อนดีกว่า 2) หยุดโพสต่อเจ้าหน้าที่ : ผมเองได้ยินเสียงว่าเจ้าหน้าที่ต่างๆนาๆเพราะว่าไม่พอใจที่เค้าปฎิเสธวีซ่า ทีนี่เราต้องมาทำความเข้าใจกันนิดนึงครับ ผมเองมาพูดว่าให้หยุดว่านี่หลายๆคนก็อาจจะไม่ถูกใจ แต่ผมแนะนำแบบนั้นเพราะหวังดีจริงๆครับ เจ้าหน้าที่สถานทูตเองมีกติกาที่ต้องปฎิบัติตามเยอะกว่าจะตัดสินผลวีซ่าได้ ดังนั้นเค้าเองก็ต้องทำเต็มที่ครับ ไม่ได้มาตัดสินแบบขอไปที แบบไม่ใส่ใจ การที่เจ้าหน้าที่ reject โดยไม่ขอเอกสารเพิ่มเติม สำหรับ WAH อาจจะเป็นเรื่องใหม่ เพราะปีนี้เป็นปีแรกที่มีการเรียนเอกสารแบบเข้มงวดขนาดนี้ แต่สำหรับวีซ่าอื่นๆเช่นนักเรียน หากยื่นเอกสารไปไม่เพียงพอ สถานทูตเองเค้าก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินโดยไม่เรียกเอกสารเพิ่มเติมครับ การโพสวิจารณ์กันบ้างผมว่าค่อนข้างเป็นเรื่องปกติ แต่การโพสด่าว่าสถานทูตหรือขู่ว่าจะฟ้องร้อง โดยเฉพาะในเวปบอร์ด ส่วนตัวแล้วผมว่าไม่ก่อนให้เกิดประโยชน์ใดกับใคร มีแต่ผลเสียมากกว่า เวปบอร์ดนี้ เจ้าหน้าที่เองเค้าก็เข้ามาอ่านเหมือนกันครับและก็คงรู้สึกไม่ดีนักหากกลุ่มของผู้สมัครจะรวมตัวกันพูดจาว่าสถานทูตแบบไม่มีเหตุผลไม่มีข้อเท็จจริง เช่น สถานทูตอยากได้เงิน อะไรแบบนั้น 3) วางแผนว่าจะทำอะไรต่อไป(อย่างรอบคอบ) : ก่อนอื่นต้องทราบกันก่อนว่าถ้าวีซ่าโดน reject ไปแล้ว เคสนั้นถือว่าจบไป เราจะไม่ไปยื่นเอกสารอะไรเพิ่มเติมแล้ว ถ้าจะยื่นใหม่สามารถยื่นได้เลยเช่นกัน (แต่ไม่แนะนำให้รีบ เพราะถ้าไม่มีหลักฐาน หรือคำอธิบายที่เขียนได้ชัดเจนพอ ก็จะโดน reject มาอีกทีอยู่ดี) สำหรับใบรับรองของสท. เราไม่สามารถขอใหม่ได้แล้วเพราะทางสท.จะไม่ออกให้ซ้ำ ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำหากจะยื่นอีกรอบคือต้องอธิบายให้สถานทูตทราบว่าเราเคยยืนไปแล้วครับ ถ้าตัดสินใจจะยื่นใหม่ ให้อ่านจม. reject ดีๆ แล้วคิดว่าเราจะอธิบายอะไรให้ดีขึ้นได้มั้ย ถ้าคิดว่าเรามีหลักฐานหรือคำอธิบายเพิ่มเติมที่แข็งพอก็แนะนำให้ยื่นไปใหม่ครับ 4) หาอะไรทำระหว่างรวบรวมเอกสารยื่นอีกครั้ง : อย่างที่ทราบกันว่าเหตุผลหลักๆที่โดน reject ก็คือเรื่องหลักฐานการเงิน ตลอดจน profile ของเราเอง หลักฐานของแต่ละคนต่างกันดังนั้นเวลาที่จะใช้เตรียมให้หลักฐานมีน้ำหนักก็ต่างกัน รายละเอียดต่างกัน บางคนอาจจะใช้เวลาน้อย บางคนอาจจะใช้เวลามาก โดยปกติแล้วการยื่นรอบสองจะยากกว่ารอบแรกเสมอ ดังนั้นสิ่งที่แนะนำก็คือเราต้องเตรียมเอกสารให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งตรงนั้นอาจจะใช้เวลาเยอะ ก็่ค่อยๆเตรียมไป เอาเป็นว่าพร้อมที่สุดแล้วค่อยยื่นดีกว่า ระหว่างนี้จะหาอะไรทำไปด้วยก็ได้ เช่นช่วยน้ำท่วม เป็นต้น 5) ลองมองหา second plan : ในกรณีที่ปีนี้เราไม่พร้อมจริงๆ เราก็ต้องกลับมาถามตัวเองว่าสรุปแล้วเราอยากไปออสเพราะอะไรเป็นหลัก ถ้าเราไม่พร้อมสำหรับวีซ่านี้ก็ต้องลองมองดุวีซ่าอื่น เช่นคนที่มีแฟนอาจจะไปขอวีซ่าแต่งงาน หรือคนที่แพลนจะไปเรียนอยู่แล้วขอวีซ่านักเรียน คนที่ทำงาน professional อาจจะลองหาทางเลือกลองสมัครงานเผื่อได้ sponsor ก็ได้ใครจะไปรู้ สรุปว่าหลักๆคือ อยากให้ทำใจเย็นๆกัน อย่าไปคิดโทษอะไรใคร มาตั้งใจทำตอนนี้ให้ดีดีกว่า หากจะต้องยื่นเพิ่มจะต้องทำยังไงมาวางแผนให้ดีแล้ว อย่ารีบร้อน เตรียมตัวให้พร้อมที่สุด แล้วค่อยยื่นครับ และระหว่างว่างๆก็หาอะไรทำจะได้ไม่คิดมาก ยังไงสู้ๆทุกคนครับ มีอะไรให้ผมช่วยก็บอกได้ครับ ถ้าช่วยไหวก้จะช่วย :>
   ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณครับ :)
DennisKew
( date 0.00.0000 )     124.121.205.228
   ความคิดเห็นที่ 2
absolutely agree with คุณ Note นะ ตอนนี้ก็เฉยๆ ก็แค่เสียใจที่คุณสมบัติทั้งหมดผ่าน สท แล้ว แต่โดนรีเจค ไม่งั้นจะมีโครงการแลกเปลี่ยนทำไมน้อ....
JeremyHego
( date 0.00.0000 )     180.183.65.85
   ความคิดเห็นที่ 3
[b]เอ wrote:[/b] [quote]พูดง่ายไปไหม. ลองมาเป็นคนโดนบางไหม. ระบบควรเปลื่ยนแปลงบ้าง ความยุติธรรมอย่ตรงไหน????? ให้เรายอมแบบนี้ไปเรื่อยปีต่อไปเค้าก้จะทำแบบนี้อีก ไม่ได้พูดเพราะความโกดแค้น แต่อยากได้ความยุติธรรมและความโปร่งใส มันเป็นสิทธ์ที่เราควรจะได้คุนมีสิทธ์อะไร. สูท.เองก้บอกว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วน. การกระทำแบบนี้สมควรแล้วหรือ??????เอาเอกสารสำคัญไปดองเป็นเดือนๆๆอยากเปลื่ยนกฏ เปลื่ยยแปลงอะไรก้ทำกันตามใจชอบ เสียตังค์นะครับไม่ได้ขอไปฟรี. คืนเงินมาสิครับ เวลาที่เสียไป. ค่าตรวจร่างกาย สุขภาพจิตที่เสียคุนรับผิดชอบได้ไหม???????มันต้องมีการเปลื่ยนแปลงบ้างระบบแบบนี้[/quote] ก่อนที่ผมจะเขียนกระทุ้นี้ผมทำใจไว้อยู่แล้วว่าจะมีคอมเมนท์ทำนองว่า "ลองมาโดนเองมั้ยล่ะ" อย่างที่หัวข้อบอกไป ผมพูดไว้อยู่แล้วว่าเป็น "ข้อแนะนำเล็กน้อย" ซึ่งคือข้อแนะนำจากมุมมองของผม ซึ่งไม่จำเป้นต้องปฎิบัติตามแต่อย่างใด ผมเองทำเวปนี้มาก้จะสามปีแล้วก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่านี้และเห็นวิธีการทำงานตลอดจนกติกาของสถานทุตมาตลอดจึงเขียนคำแนะนำตามที่ผมเห้นสมควรว่าควรจะทำยังไงต่อ คุณเอมีสิทธิ์เต็มๆที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ และเรื่อง"ไม่เข้าใจเพราะไม่โดนเอง"นี่ผมก็อาจจะไม่เข้าใจ 100% หรอกครับ ผมเองก็เป้นคนนึงที่ได้ร่วมโครงการนี้มีการ ได้คุยกับเด็ก Work and Holiday ทั้งที่สนใจสมัคร กำลงัสมัคร และคนที่อยู่ออส หรือคนที่กลับมาแล้ว ตลอดช่วงสามปีนี้ มากที่สุดคนนึง ใครเมลล์มาผมก้พยายามตอบให้หมด( ช้าไปบ้างบางที) มีกระทู้ก้พยายามตอบให้มาตลอด ได้ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นผมว่าผมก้เข้าใจความรู้สึกของคนที่รอวีซ่าประมาณนึงครับ และผมไม่คิดว่าคำแนะนำที่ผมเขียนจะผิดอะไร จากที่บอกว่าสท.บอกว่าเราคุณสมบัติครบถ้วนก็ถูกแล้ว แต่ถ้าได้อ่านข้อความในเวปสถานทูตเค้าก็บอกไว้ชัดเจนว่าจดหมายจากสท.ไม่ได้การันตีว่าคุณจะต้องได้วีซ่า [quote] Government support You must include a letter of support from your home government with your application. This letter is issued by the Office of Welfare Promotion, Protection and Empowerment of Vulnerable Groups in Bangkok. See: www.opp.go.th/home.php Note: The letter of support does not guarantee a place in the Work and Holiday program. ทีมา http://www.immi.gov.au/visitors/working-holiday/462/thailand/eligibility.htm#c [/quote] ค่าตรวจร่างกาย ค่ายื่นวีซ่าเค้าก้บอกไว้แต่แรกแล้วว่า non-refundable และก็อย่างที่น้อง bella บอก วีซ่านี้ยังไงก็ไม่มีการเปลี่ยนการตัดสินใจเพราะเป้นข้อกำหนดของเค้าอยู่แล้วที่เค้าเขียนไว้แต่ต้น ถ้าอ่านโพสก่อนหน้านี้ของผมมา ผมก็เขียนบอกไปหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่าถ้าคิดว่าสมเหตุสมผลคอมเพลนกันถูกเรื่องก็คอนเพลนไป โดยเฉพาะคนที่หวังดีอยากให้มีการปรับปรุง ก็เขียนไปบอกเค้าว่าควรจะปรับปรุงอะไรยังไง เค้าก้มีช่องทางให้เขียนไปติชมอยู่ แต่ก่อนเขียนให้มั่นใจว่าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดีแล้ว ไม่ใช่ไปบอกว่าให้เค้าคืนเงินมาสิทั้งๆที่เค้าบอกแล้วว่า non-refundable หรือไปบอกว่าสท.บอกว่าเราคุณสมบัติครบทำไมเราไม่ได้วีซ่าทั้งๆที่สถานทุตบอกว่าจม.จากสท.ไม่ได้รับรองว่าเราจะได้วีซ่า เข้าใจว่าหงุดหงิด แต่ที่แนะนำคือให้ ใจเย็นๆก่อนแล้วจะเขียนอะไรถึงใครยังไงก็คิดดีๆเท่านั้น ถ้าพุดไปแล้วมันทำให้รู้สึกแย่ก็ขออภัย และไม่ต้องใส่ใจคำแนะนำผมมากก็ได้ครับ หลักๆ ที่ผมบอกว่าไม่แนะนำให้ทำคือมาโพสด่าว่าเค้าในเวปบอร์ดซึ่งไม่ก่อนให้เกิดผลประโยชน์อะไรกับตัวผุ้โพสต์เองจะมีแต่ผลเสียมากกว่าครับ
JeremyHego
( date 0.00.0000 )     203.144.144.164
   ความคิดเห็นที่ 4
[b]note wrote:[/b] [quote]ผมเห็นด้วยในบางข้อกับพี่เกมส์นะครับ ที่ว่าควรใจเย็นๆ มีสติ ใช้เหตุผล เเต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปีนี้ควรได้รับการเเก้ไขจริงๆ เพื่อที่จะได้ไม่ให้เกิดเป็นปัญหากับรุ่นต่อไป ทุกคนที่โดน Reject Visa เชื่อเถอะครับ ว่าพวกเค้าเหล่านั้น มีคุณสมบัติครบก่อนที่พวกเค้ายื่น Visa เสียอีก ทราบได้ยังไงครับ ก็ทราบได้จากคุณสมบัติที่ทาง สท.เค้ามาประกาศนั่นเเหละครับ เเต่พอมายื่น Visa เเล้ว ทำไมสถานฑูตต้องมีกฎระเบียบอะไรที่มันเข้มงวดขึ้นอะครับ เพราะอะไร? เเล้วก็มาอ้างว่า งานเยอะ คนน้อย ทำไม่ทัน เเล้วเอกสารที่เอาไป จะเอาไปให้มันหนักหนาเพิ่มเวลาอีกเพื่ออะไร? รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลออสเตรเลีย เค้ากำหนดให้มีคนถือ Visa นี้ได้ปีละ 500 คนนะครับ เเล้วทางสถานฑูต Reject Visa ซะเยอะขนาดนี้ มันจะถึงมั๊ยฮะ ไอ้โควต้า 500 คนเนี่ย ผมไม่เเน่ใจนะครับว่าทางฝั่ง รัฐบาลออสเตรเลีย ที่มีหน้าที่ดูเเลเรื่องพวกนี้เค้าจะรับทราบปัญหาตรงนี้รึเปล่า? เเต่ตอนนี้พวกเราที่มีสิทธิ์ในปีนี้ กำลังโดนความไม่ยุติธรรมเล่นงานอยู่ครับ ความไม่ยุติธรรมอันนี้ผมไม่รู้ว่ามาจากทางเจ้าหน้าที่คนไทย หรือคนออสเตรเลียนะครับ เคยได้ยินคำกล่าวนี้มั๊ยครับ ''คนที่มีญาณสูง ไม่ได้แปลว่ามีจิตสูง'' มันก็คงเทียบได้กับ ''คนที่หน้าที่การงานสูง เเต่จิตใจไม่ได้สูงตาม'' ถ้าข้อความนี้ผมพูดเเทงใจเจ้าหน้าที่ท่านใด ขอให้ท่านได้โปรดรับไป เเละนำไปเเก้ไขด้วยครับ ส่วนเจ้าหน้าที่ท่านใดที่ทำงานดีอยู่เเล้ว มีมาตรฐานที่ดี มีความยุติธรรม ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ท่านนั้นประสบความสำเร็จนะครับ สำหรับผมถ้าได้ Visa ก็ดีไป ไม่ได้ก็ถือว่าเป็นกรรม จะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีกเเล้ว เสียตังค์เสียได้ครับ เเต่เสียความรู้สึก มันยากที่จะเสียจริงๆ[/quote] เข้าใจที่ note ต้องการจะบอกครับ เรื่องคุณสมบัติอย่างที่บอกไปแล้วว่าสถานทูตไม่การันตีวีซ่าให้เพราะมีใบรับรองจากสท. เพราะเป็นคนละส่วนกัน และปีก่อนๆ คนที่ได้รับใบจากสท. ก็โดน reject กันเพราะเรื่องเงินก็มี แต่เป็นส่วนน้อยครับ และส่วนเรื่องที่ทำไมเค้าต้องมาเข้มงวดขึ้นตอนนี้ผมว่าเค้าก็มีเหตุผลของเค้าครับ (ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจเราก็ได้) สำหรับปีที่แล้วที่เค้าโดน reject กันส่วนมากจะเป็นเรื่องของเงินที่แบบ เข้ามาแบบไม่มีที่มา เข้าแล้วออกไปเลย พอขอใหม่เงินก็กลับเข้ามาอีก ซึ่งมีจำนวนนึงที่โดนแบบนั้น เพราะสถานทูตทำการเชคแบบสุ่มมากกว่าไม่ได้เชคทุกคนแบบปีนี้ ถ้าย้อนไปสองปีก่อนหน้านี้แทบจะไม่ได้ยินเรื่องการ reject เลยด้วยซ้ำครับ ส่วนตัวผมว่าที่เค้าเข้มขึ้นก็เพราะตรวจเจอเยอะขึ้นว่ามีคนใช้ทริคแบบโอนเงินเข้ามาแล้วเอาออกไปเลยเยอะ เค้าขอเชคแล้วไม่มีเงินจริงๆบ้าง พอเค้าเจอเคสแบบนี้เยอะขึ้นเค้าก็คงต้องโดนกดดันมาจากเบื้องบนให้เปลี่ยนแปลง ซึ่งไม่แปลกอะไร ถ้าจะผิดก็คงเป็นเพราะเค้าไม่ได้แจ้งให้เราทราบ (แต่เอาจริงๆปกติเค้าก็ไม่ต้องแจ้งรายละเอียดในการพิจารณาให้เราทราบกันเท่าไหร่อยู่แล้ว - ทุกวีซ่าจะมีรายละเอยด ในเวป เป็นรายละเอียดคร่าวๆ ส่วนรายละเอียดลึกๆจะต้องคุยกับสถานทูต ณ ประเทศนั้นๆเพิ่มเติมว่าอยากได้อะไรยังไงบ้าง) เรื่องงานเยอะคนน้อยทำไม่ทัน ทำเกินกำหนดนี่ก้ต้องยอมรับว่าปีนี้เค้าทำช้ากันจริงๆครับ
RichardOn
( date 0.00.0000 )     203.144.144.165
   ความคิดเห็นที่ 5
[b]nuttamate wrote:[/b] [quote]absolutely agree with คุณ Note นะ ตอนนี้ก็เฉยๆ ก็แค่เสียใจที่คุณสมบัติทั้งหมดผ่าน สท แล้ว แต่โดนรีเจค ไม่งั้นจะมีโครงการแลกเปลี่ยนทำไมน้อ....[/quote] กระทู้นุู้นเดี๋ยวตอบให้ครับ :> เนทเต่ามากเลย เดี๋ยวช่วยแพกของน้ำท่วมแวปนึง ยังไงใจเยนๆกันครับ :>
RichardOn
( date 0.00.0000 )     203.144.144.165
   ความคิดเห็นที่ 6
[b]bella wrote:[/b] [quote][b]เอ wrote:[/b] [quote]พูดง่ายไปไหม. ลองมาเป็นคนโดนบางไหม. ระบบควรเปลื่ยนแปลงบ้าง ความยุติธรรมอย่ตรงไหน????? ให้เรายอมแบบนี้ไปเรื่อยปีต่อไปเค้าก้จะทำแบบนี้อีก ไม่ได้พูดเพราะความโกดแค้น แต่อยากได้ความยุติธรรมและความโปร่งใส มันเป็นสิทธ์ที่เราควรจะได้คุนมีสิทธ์อะไร. สูท.เองก้บอกว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วน. การกระทำแบบนี้สมควรแล้วหรือ??????เอาเอกสารสำคัญไปดองเป็นเดือนๆๆอยากเปลื่ยนกฏ เปลื่ยยแปลงอะไรก้ทำกันตามใจชอบ เสียตังค์นะครับไม่ได้ขอไปฟรี. คืนเงินมาสิครับ เวลาที่เสียไป. ค่าตรวจร่างกาย สุขภาพจิตที่เสียคุนรับผิดชอบได้ไหม???????มันต้องมีการเปลื่ยนแปลงบ้างระบบแบบนี้[/quote] ใจเย็นๆนะคะ เพราะว่าจริงๆแล้วไม่ใช่แค่ออสเตรเลียหรอกค่ะที่รีเจคกันขนาดนี้ จริงๆแล้ว อย่างอเมริกาจะบอกมาเลยว่า สิ่งที่ควรจะยื่นไปคือต้องโชว์เรื่องนี้ๆ ส่วนที่เหลือที่เพิ่มเติมไม่ได้บังคับว่าต้องส่งอะไรเพิ่มยังไง ให้คุณคิดเอาเองนะว่าแบบไหนถึงจะผ่าน อะไรแบบนี้ แล้วไม่มีการขอเอกสารเพิ่มด้วย เพื่อนเราเป็นนักเรียนที่ฝรั่งเศส กลับมาเยี่ยมบ้าน จะขอวีซ่ากลับไปยังโดนรีเจคตั้งสองครั้ง ไม่ได้ระบุด้วยซ้ำว่าเพราะอะไร แล้วคุณสมบัติเค้าดีซะยิ่งกว่าดีอีกอ่ะค่ะ ที่เรียนที่อยู่การเงินมีครบหมดแล้ว โดยส่วนตัว จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เปิดกว้างที่สุดแล้ว สำหรับที่จะให้คนนอกเข้าไปนะคะ จริงๆแล้ว มันผิดที่ว่ารุ่นก่อนนี่ เค้าให้วีซ่านี้ง่ายเกินไป ขอดูแค่สเตทเมนท์ 5000$ ก้อพอแล้ว แบบนี้มันง่ายเกินไปค่ะ น่าจะขอแบงค์บุคตั้งแต่ปีแรกๆที่มีโครงการเลย เพราะสเตทเมนท์มันไม่ได้ยากเลย ประวัติการเงินเสียอีกที่ยาก ถ้าเค้าขอตั้งแต่รุ่นก่อนๆ มันก็ไม่ต้องมีปัญหาตามมา แล้วเรารุ่นนี้ก้อซวยไปเพราะว่าเค้าดันมาแก้ไขตัวเค้าเองตอนนี้ แต่ทีนี้ เรารู้สึกเหมือนพวกเราโดนรีเจคเยอะ ก็เพราะว่าบังเอิญเราจับตัวกันเป็นกลุ่มเป็นก้อนได้ถึงขนาดนี้ เราถึงได้รู้ความเคลื่อนไหวเกือบจะทั้งหมดและเกิดอาการอยากจะลุกฮือไปร้องเรียน คือวีซ่าอื่นๆก้อโดนรีเจคไม่น้อยนะคะ อย่าลืมว่า เราอาจจะเป็นแค่เศษเสี้ยวนึงเองค่ะ เราเข้าใจคนที่โดนรีเจคค่ะ เพราะมันน่าเจ็บใจ อย่างเราเองก้อใกล้บ้าแล้วค่ะ ยังไม่ได้อีเมลเลย สองเดือนนิดๆแล้วค่ะ แล้วก้ออาจจะโดนรีเจคด้วยก็ได้ เราเองก็คอมเพลนไปแล้วเหมือนกัน เรื่องทำงานล่าช้า ซึ่งเราเกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นจากสถานฑูตไหน แล้วเราก้อโกรธมากด้วยที่เค้าทำงานกันช้าขนาดนี้ แต่พี่เกมส์เค้าแค่แนะนำว่า อย่าไปร้องเรียนเลย นั่นคือพี่เค้าหวังดี ร้องเรียนไปนะคะ ไม่มีทางหรอกค่ะ ที่เค้าจะเอา application ของคุณออกมาดูทบทวนใหม่ ยังไงทำได้แค่ยื่นใหม่อยู่แล้ว เพราะนั่นมันคือกฎ เป็น written rule สู้คุณไปแก้ต่างตัวเองเพื่อให้วีซ่าได้ชัวร์ๆดีกว่านะคะ ที่พูดแบบนี้เพราะว่า สถานฑูต เปรียบไปก้อเหมือน monopoly ค่ะ เค้าอยากจะขายของราคาเท่าไหร่ ทรีทลูกค้าแบบไหน ลูกค้าที่อยากซื้อ ก็จะยังซื้ออยู่นั่นแหละ คือเค้าอยู่เหนือเราอยู่แล้วค่ะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราต้องยอมรับจริงๆว่าเราไปต่อกรกะเค้าไม่ได้ ถ้ายังอยากจะไป เราว่าไม่ต้องร้องเรียนหรอกค่ะ ไปตั้งหลักดีๆแล้วมาลองอีกซักตั้งดีกว่า แต่ส่วนตัวเรา ถ้าโดนรีเจครอบแรกก็ไม่เอาแล้วค่ะ เบื่อที่เค้าทำงานช้าขนาดนี้ ด้วยความหวังดีล้วนๆจากเพื่อนร่วมชะตากรรมค่ะ[/quote] ขอบคุณน้อง Bella ที่เข้าใจครับ :>
Melissa
( date 0.00.0000 )     203.144.144.164
   ความคิดเห็นที่ 7
[b]note wrote:[/b] [quote][b]zgamez wrote:[/b] [quote][b]เอ wrote:[/b] [quote]พูดง่ายไปไหม. ลองมาเป็นคนโดนบางไหม. ระบบควรเปลื่ยนแปลงบ้าง ความยุติธรรมอย่ตรงไหน????? ให้เรายอมแบบนี้ไปเรื่อยปีต่อไปเค้าก้จะทำแบบนี้อีก ไม่ได้พูดเพราะความโกดแค้น แต่อยากได้ความยุติธรรมและความโปร่งใส มันเป็นสิทธ์ที่เราควรจะได้คุนมีสิทธ์อะไร. สูท.เองก้บอกว่าเรามีคุณสมบัติครบถ้วน. การกระทำแบบนี้สมควรแล้วหรือ??????เอาเอกสารสำคัญไปดองเป็นเดือนๆๆอยากเปลื่ยนกฏ เปลื่ยยแปลงอะไรก้ทำกันตามใจชอบ เสียตังค์นะครับไม่ได้ขอไปฟรี. คืนเงินมาสิครับ เวลาที่เสียไป. ค่าตรวจร่างกาย สุขภาพจิตที่เสียคุนรับผิดชอบได้ไหม???????มันต้องมีการเปลื่ยนแปลงบ้างระบบแบบนี้[/quote] ก่อนที่ผมจะเขียนกระทุ้นี้ผมทำใจไว้อยู่แล้วว่าจะมีคอมเมนท์ทำนองว่า "ลองมาโดนเองมั้ยล่ะ" อย่างที่หัวข้อบอกไป ผมพูดไว้อยู่แล้วว่าเป็น "ข้อแนะนำเล็กน้อย" ซึ่งคือข้อแนะนำจากมุมมองของผม ซึ่งไม่จำเป้นต้องปฎิบัติตามแต่อย่างใด ผมเองทำเวปนี้มาก้จะสามปีแล้วก็ให้ข้อมูลเกี่ยวกับวีซ่านี้และเห็นวิธีการทำงานตลอดจนกติกาของสถานทุตมาตลอดจึงเขียนคำแนะนำตามที่ผมเห้นสมควรว่าควรจะทำยังไงต่อ คุณเอมีสิทธิ์เต็มๆที่จะเชื่อหรือไม่ก็ได้ และเรื่อง"ไม่เข้าใจเพราะไม่โดนเอง"นี่ผมก็อาจจะไม่เข้าใจ 100% หรอกครับ ผมเองก็เป้นคนนึงที่ได้ร่วมโครงการนี้มีการ ได้คุยกับเด็ก Work and Holiday ทั้งที่สนใจสมัคร กำลงัสมัคร และคนที่อยู่ออส หรือคนที่กลับมาแล้ว ตลอดช่วงสามปีนี้ มากที่สุดคนนึง ใครเมลล์มาผมก้พยายามตอบให้หมด( ช้าไปบ้างบางที) มีกระทู้ก้พยายามตอบให้มาตลอด ได้ติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ ดังนั้นผมว่าผมก้เข้าใจความรู้สึกของคนที่รอวีซ่าประมาณนึงครับ และผมไม่คิดว่าคำแนะนำที่ผมเขียนจะผิดอะไร จากที่บอกว่าสท.บอกว่าเราคุณสมบัติครบถ้วนก็ถูกแล้ว แต่ถ้าได้อ่านข้อความในเวปสถานทูตเค้าก็บอกไว้ชัดเจนว่าจดหมายจากสท.ไม่ได้การันตีว่าคุณจะต้องได้วีซ่า [quote] Government support You must include a letter of support from your home government with your application. This letter is issued by the Office of Welfare Promotion, Protection and Empowerment of Vulnerable Groups in Bangkok. See: www.opp.go.th/home.php Note: The letter of support does not guarantee a place in the Work and Holiday program. ทีมา http://www.immi.gov.au/visitors/working-holiday/462/thailand/eligibility.htm#c [/quote] ค่าตรวจร่างกาย ค่ายื่นวีซ่าเค้าก้บอกไว้แต่แรกแล้วว่า non-refundable และก็อย่างที่น้อง bella บอก วีซ่านี้ยังไงก็ไม่มีการเปลี่ยนการตัดสินใจเพราะเป้นข้อกำหนดของเค้าอยู่แล้วที่เค้าเขียนไว้แต่ต้น ถ้าอ่านโพสก่อนหน้านี้ของผมมา ผมก็เขียนบอกไปหลายครั้งแล้วเหมือนกันว่าถ้าคิดว่าสมเหตุสมผลคอมเพลนกันถูกเรื่องก็คอนเพลนไป โดยเฉพาะคนที่หวังดีอยากให้มีการปรับปรุง ก็เขียนไปบอกเค้าว่าควรจะปรับปรุงอะไรยังไง เค้าก้มีช่องทางให้เขียนไปติชมอยู่ แต่ก่อนเขียนให้มั่นใจว่าเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดีแล้ว ไม่ใช่ไปบอกว่าให้เค้าคืนเงินมาสิทั้งๆที่เค้าบอกแล้วว่า non-refundable หรือไปบอกว่าสท.บอกว่าเราคุณสมบัติครบทำไมเราไม่ได้วีซ่าทั้งๆที่สถานทุตบอกว่าจม.จากสท.ไม่ได้รับรองว่าเราจะได้วีซ่า เข้าใจว่าหงุดหงิด แต่ที่แนะนำคือให้ ใจเย็นๆก่อนแล้วจะเขียนอะไรถึงใครยังไงก็คิดดีๆเท่านั้น ถ้าพุดไปแล้วมันทำให้รู้สึกแย่ก็ขออภัย และไม่ต้องใส่ใจคำแนะนำผมมากก็ได้ครับ หลักๆ ที่ผมบอกว่าไม่แนะนำให้ทำคือมาโพสด่าว่าเค้าในเวปบอร์ดซึ่งไม่ก่อนให้เกิดผลประโยชน์อะไรกับตัวผุ้โพสต์เองจะมีแต่ผลเสียมากกว่าครับ[/quote] ขอบคุณพี่เกมส์ที่หาหลักฐานมาในเรื่องที่ว่า ได้ใบจาก สท. มา ไม่ได้เป็นการการันตีครับ ^^ เเต่มันก็ไม่ถูกต้องนะครับ ที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ โดยตรง อย่าง สท. สถานฑูต หรือเเม้กระทั่ง VFS เค้าไม่เคยคุยกันเลย เอาง่ายๆเลยนะครับ ถ้าสถานฑูตจะเปลี่ยนกฎอย่างนี้ ทำไมถึงไม่เเจ้งกับทาง สท.ล่ะครับ? คนอีก 500 คนเค้าจะได้เตรียมตัว เตรียมเอกสาร เพื่อโครงการนี้ครับ(ผมเข้าใจความรู้สึกของคนปีนี้มากๆครับ อย่างผมกว่าจะเตรียมตัวสอบ IELTS ผมใช้เวลาเดือนครึ่งในการเตรียมตัว ฝึกทำเเบบฝึกหัดทุกวันไม่เคยขาด คะเเนนได้เเบบคาบเส้น เเต่ก็เพียงพอสำหรับคุณสมบัติ ไหนจะผ่านวัน สท.เดือดมากับเพื่อนๆอีก 499 คน ทุกอย่างที่ทำมาสำหรับผม และทุกคนในปีนี้ล้วนเเล้วแต่ต้องวางแผนระยะยาวด้วยกันทั้งนั้น เชื่อเถอะครับ ว่าถ้าสถานฑูตเค้ามีการจัดการวางแผนที่ดี เเละคุยกับทาง สท. ปัญหาการโดน reject จะหมดไป ความไม่ยุติธรรมก็จะหมดสิ้นตามไปด้วยครับ) อันนี้ก็เเสดงถึงความสามารถในหน่วยงานได้เเล้วเเหละครับ เเล้วขืนยังเป็นอย่างนี้ต่อไป ปีหน้าจะเพิ่มกฎอะไรมาอย่างที่ไม่ทันตั้งตัวรึเปล่าครับ? ผมถึงอยากให้คนชนชั้นสูงเหล่านี้ ได้ตาสว่างกันได้เเล้วครับ ถ้าลองเป็นลูกหลานคุณ ถ้าลองเป็นความฝัน ความภาคภูมิใจของคุณ เเล้วโดนทำอย่างนี้บ้าง คุณต้องอยากเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนมาเป็นเเน่ครับ ขอบคุณอีกครั้งครับพี่เกมส์ ผมบ่นซะยาวเลย[/quote] เรื่องนี้จริงครับ note เหมือนเค้าไม่คอ่ยได้ดีลงานกันเท่าไหร่ ต่างคนต่างทำมากกว่า : คือเค้าอาจจะดีลกันบ้างแต่น่าจะไม่เยอะเท่าไหร่ สท.เลยจะไม่ค่อยได้รู้เรื่องวีซ่าหรือการพิจารณาอะไรมากครับ หลักๆสถานทูตคงมองว่าสท.แค่ออกใบเฉยๆ ไม่ต้องรู้กระบวนการอะไรมาก และกระบวนการของวีซ่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของสถานทุตเองมากกว่า ปล. แต่นั่นแล ถ้าเค้าติดต่อกันเยอะกว่านี้อีกนิดเรื่องก็คงง่ายขึ้นเยอะเหมือนกัน เช่นให้สท.เข้มขึ้นกว่าเดิมแต่เเรกไปเลย จะได้แบบคัดกันไปตั้งแต่ขอใบรับรองเลย จะได้ไม่มีปัญหาเรื่องเงินค่าวีซ่าที่ต้องเสียอะไรแบบนี้กันครับ
Irea
( date 0.00.0000 )     203.144.144.165
   ความคิดเห็นที่ 8
[b]pattz wrote:[/b] [quote]เห้อ เข้ามาอ่านแล้วก้เห็นใจและเข้าใจทุกคน........................... อันนี้เป็นความคิดเห้นส่วนตัวนะค่ะ ไม่ชอบประการใดแจ้งลบได้เลย^^ คือทุกคนที่ยื่นวีซ่าตัวนี้ถ้าคุณสมบัติไม่ครบก้อคงจะไม่กล้ายื่นกันหรอกกกนะค่ะ อย่างที่คุณเกมส์พูดก็ใช่ ได้ใบสท.ไม่ได้หมายความว่าได้วีซ่า....... แต่ทุกคนก้หวังใช่ไหมค่ะ เพราะคุณสมบัติครบถ้วน อย่างที่reject มาเนี่ย บ้างคนยังไม่ได้อธิบายอะไรเลย หรืออธิบายแล้วหลักฐานเองก้ดูแน่หนาก้ยังโดนreject พอมาเปรียบเที่ยบกับ บ้างคนที่ได้วีซ่ามาแล้วเค้าไม่โดนอะไรเลย ...... มันอาจจจะเกิดความไม่เข้าใจได้ว่า รอมานานนนๆ มากๆ เอกสารสำคัญก้ส่งให้หมด เอกสารเพิ่มเติมก้ส่งให้ ตรวจร่ายกายก้ทำแล้ววววว ผลreject....... มันเสียใจนะค่ะ เข้าใจทุกฝ่ายแต่สิ่งที่อยากจะให้ได้รับการปรับปรุงด้วยคือว่า.......... ปีนี้เป้นปีที่มีปัญหามากๆๆๆ อย่างที่คุณเอพูดก้เข้าใจ เสียเงินเสียเวลา เสียสุขภาพจิต อะไรต่อมิอะไร บลา บลา บลา....... คือสิ่งที่อยากให้เป็นไปได้คือ มีการชี้แจ้งอธิบายให้โปร่งใส ว่าเป็นเพราะอะไร และทำไมจึงเกิดเหตุการแบบนี้ขึ้น??????? เพื่อไม่ให้เกิดในปีต่อๆไป ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยก้ต้องยอมเค้าแบบนี้ไปทุกๆปีหรอค่ะ ให้เค้าทำแบบนี้หรอค่ะ เกิดอยากเปลื่ยนแปลงกฏตอนไหนก้เปลื่ยน อยากทำอะไรก้ทำ มันเกินไปไหมค่ะ????? เราก้เป็นคนเท่าเทียมกันนะค่ะ แล้วก้จ่ายเงิน ไม่ได้ขอไปฟรีนะค่ะ ทำอะไรไม่ได้รอต่อไป ??????? ได้แต่บ่นไปวันๆ กับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานดี ก้ขอให้กำลังใจ..... ขอเป้นกำลังใจให้ทุกคนที่โดน reject และขอให้คุนเดินก้าวต่อไป................... และคนที่รอก้ขอให้ได้กันทุกคนนะค่ะ[/quote] ปีนี้เหนื่อยกันทุกฝ่ายเลยครับ เพราะเป็นปีที่มีการเปลี่ยนเยอะที่สุดตั้งแต่ระบบออนไลน์ และความเข้มงวดของสถานทุต ผมเข้าใจที่ต้องมารอกันแบบนานๆ แบบนี้ เอกสารสำคัญก็ไปฝากไว้ จะทำอะไรก้ลำบาก เสียค่านู่นค่านี่ก้อเยอะ และกติกาก็โหดซะขนาดนี้ แต่ก็เข้าใจสถานทูตเหมือนกันครับว่าเค้าก็ตั้งใจทำงานแล้ว พูดถึงอื่นอย่างวีซ่านักเรียนเอง สมัยก่อนก็ง่ายกว่านี้เยอะครับ ในเวปสถานทูตเองก็จะบอกแค่ว่า เงินจะต้องมี 18000 AUD ต่อปีนะ แต่ก็จะไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากกว่านั้น เช่นต้องมีที่มาของเงินนะไม่ใช่อยู่ๆก็เข้ามาเลย แบบนี้ ซึ่งรายละเอียดพวกนี้เป็นเราที่ต้องเชคกับสถานทูตว่าเอกสารนี้ใช้ได้มั้ย เหมือนที่น้อง bella บอกครับ เค้าเป็นหน่วยงานรัฐของต่างประเทศที่ถ้าเราจะไปยังไงเราก็ต้องอาศัยเค้าอยุ่ดี ก็เหมือนเป็น monopoly ระดับนึง ดังนั้นการที่เค้าจะมายอมให้เรามันคงยาก ที่ทำได้ก็คงจะเป็นเรื่องการเขียนการติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ว่าควรจะปรับปรุงยังไงกันดีลองเสนอแนะ หรือจะร้องเรียนเข้าไปก็ได้ครับ ส่วนตัวผมแค่อยากแนะนำคนที่ไม่พอใจ ถ้าอยากร้องเรียนอะไร ให้ทำกันแบบมีเหตุมีผลไตร่ตรองกันดีๆ มองให้ขาด ไม่ใช้อารมณ์ เท่านั้นก็พอครับผม :>
Matthew
( date 0.00.0000 )     203.144.144.165
   ความคิดเห็นที่ 9
เรื่องนี้ต้องทำใจครับ เพราะคนไทยไม่ว่าขอวีซ่าที่ไหนก็ยากทั้งนั้น ยากสุดคือ USA ไม่อธิบายเหตุผลหรอกครับ ให้มาแค่ template กระดาษผ่านเดียว และเป็นสิทธิ์ของเค้าด้วย ส่วนของออสเตรเลีย ผมว่าเค้าค่อนข้างอธิบายเหตุผลชัดเจนมาก ส่วนเรื่องใบรับรองจาก สท นั้น ผมเคยได้ยินท่านที่มาบรรยายในการอบรบของ สท เมื่อสองปีก่อนว่า กระทรวงต่างประเทศขอให้ สท ช่วยออกใบรับรอบให้ แต่ไม่ได้มีหน้าที่โดยตรง ถือว่าเป็นงานเสริม จริงๆแล้วใบรับรองจาก สท ไม่ควรกำหนดหรอกครับว่าจะให้ปีละกี่คน ควรให้ทุกคนที่มีคุณสมบัติครับ ไม่จำเป็นต้องจำกัดโควตา เพราะมันเป็นแค่เอกสารชิ้นหนึ่งที่ทางสถาทูตออสเตรเลียต้องการเท่านั้น และสิทธิ์ในการออกวีซ่าให้เป็นของทางสถานทูตออสเตรเลียต่างหาก ผมเข้าใจความรู้สึกดี ถ้าเป็นผมก็ต้องโกรธมาก หงุดหงิด ต้องเอาเรื่องให้ถึงที่สุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากระบายอารมณ์ไปเท่านั้น ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นมา เพราะมันเป็นกฎของเค้า เจ้าหน้าที่แต่ละคนที่ถูกมาพิจารณาใบสมัครของเรานั้น เค้ามีสิทธิ์โดยชอบธรรมในการปฏิเสธวีซ่าขอเรา ไม่ว่าเหตุผลใดๆก็ตาม ผมอยากบอกเพื่อนๆให้เขียนจดหมายดีๆ อธิบายเหตุจุดอ่อนของเราไปด้วย แต่ไม่ต้องเน้นเท่าไร ที่เน้นๆคือจุดมุ่งหมายของการไปที่ชัดเจน จบโครงการแล้วทำไรต่อ ประมาณนั้น อ๋อ อีกข้อหนึ่งครับ เวลาเรายื่นใบสมัคร ให้เราจินตาการว่าตัวเราเป็นเจ้าหน้าที่ที่หยิบใบสมัครเรามาพิจารณา เค้าจะดูอะไรบ้าง เห็นจุดอ่อน แข็งตรงไหนมั่งอ่ะครับ สู้ๆครับผม ใจเย็นๆ และเป็นกำลังใจให้เพื่อนๆและพี่เกมส์ครับผม ปล.ผมพึ่งไปขอวีซ่าญี่ปุ่นที่ซิดนีย์มา เตรียมเอกสารเยอะมากๆ คิดว่าพอ แต่ก็ยังต้องไปยื่นเอกสารเพิ่มเติมอีก เหนื่อยมากๆกับการที่เป็นคนไทยไปขอวีซ่าไปต่างประเทศ แต่ก็ภูมิใจมากที่เป็นคนไทยครับ
AleltyVaddy
( date 0.00.0000 )     58.108.188.54
   ความคิดเห็นที่ 10
แย่จิงๆคับ สำหรับคนที่วีซ่าไม่ผ่าน ซวยมากๆ ถ้าพูดในแง่ความรู้สึกผมว่ามันแย่มากๆ และไม่ยุติธรรมเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั่น นั่นก็คือความรู้สึกอะคับ แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่การตัดสิน หรือการหาความยุติธรรมอะไรทั้งสิ้น มันคือก็เหมือนการสอบเข้าที่ไหนซักที่แล้วไม่ผ่าน ดังนั้นผมว่า ในแง่ความรู้สึก เข้าใจคับว่าไม่แฟร์ อย่างไรก็ตาม จะไม่ให้ติทางสถาณฑูตเลย มันก็ไม่ถูกนะครับ ผมมองว่า คุณจะมีกระบวนการพิจารณาที่ละเอียด และเข้มงวดขนาดไหน เราไม่ว่ากัน เพราะเราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปท้วงติงอะไรในจุดนั้นอยู่แล้ว เราทุกคนเป็นผู้สมัคร พร้อมจะทำตามเงื่อนไขที่กำหนดให้อยู่แล้ว แล้วก็ไม่มีใครมาบ่นว่าคุณเข้มงวดเกินไปสักหน่อย เพราะคิดว่าคนส่วนใหญ่เข้าใจว่าสิ่งที่ขอไปนั้นคืออะไร บทบาทของตนคืออะไร สิทธิของตนคืออะไร ถูกมั้ยครับ ดังนั้น ประเด็นเรื่องการพิจารณาหลักฐานทางการเงิน ละเอียดมากละเอียดน้อย เราไม่พูดถึง เจ้าหน้าที่จะมากจะน้อย จะใช้เวลาทำนาน เราไม่พูดถึง เพราะ เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่ก็คือเจ้าหน้าที่ เป็นผู้ปฏิบัติตาม เค้าให้งบมา ให้กำลังคนมาเท่าไหร่ เค้าควบคุมไม่ได้ ส่วนประสิทธิภาพในการทำงาน เรื่องนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ และสิทธิของเราที่จะไปวิจารณ์ในจุดนั้นได้ เพราะเราไม่ใช่เจ้าหน้าที่ ไม่รู้ตื่นลึกหนาบางของกระบวนการข้างใน จะเดือน สองเดือน สามเดือน ผมมองว่าจุดนี้ ไม่ควรมีใครไปติหรือว่า เพราะคุณไม่รู้ข้อมูลภายใน คุณไม่มีสิทธิวิจารณ์ด้วยซ้ำ ถึงแม่จ่ายเงินไป แต่นี่ไม่ใช่ธุรกิจที่จ่ายเงินแล้วต้องได้รับสินค้า หรือบริการ ผมมองว่าทุกคนควรเข้าใจจุดนี้ก่อน การด่าหรือติในประเด็นเหล่านี้ผมมองว่าไม่ทำให้เกิดประโยชน์อันใด และทำให้เกิดโทษด้วยซ้ำ ทางเจ้าหน้าที่เองเค้าไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไร เค้าก็แค่ทำไปตามกระบวนการเท่าที่อำนาในหน้่าที่จอนุญาติให้เค้าทำ แต่เรื่องที่จะพูดถึงคือ การสื่อสาร ให้ข้อมูลกับผู้สมัครต่างหาก อย่างที่กล่าวไปข้างต้น ผมจะไม่ติในประเด็นเหล่านั้น แต่ว่า สิ่งที่ควรจะเป็นคืออะไร คือการที่ผู้สมัคร ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง ครบถ้วน มากพอ ที่จะทำให้ผู้สมัครสามารถเตรียมการ พิจารณาตัวเอง ได้ตามความต้องการของทางสถาณฑูตออสเตรเลีย อย่าลืมนะครับ ว่านี่ไม่ใช่วีซ่าท่องเที่ยว ผลกระทบกับชีวิตของคนแต่ละคน มันไม่ใช่แค่ว่า อดไปเที่ยว เซ็็งเลย มันไม่ใช่ มันคือแผนระดับใหญ่อย่างนึงในชีวิตของแต่ละคน ดังนั้นมันมีความ critical สูง ผมมองว่า ทุกคนควรได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนถึงกฏระเบียบ เงื่อนไข ที่จะต้องใช้ในการพิจารณา นี่ไม่ใช่คำขอที่เกินเลย หรือเกินความเป็นจริงเลยทั้งสิ้น การยกเอาประเทศอื่นๆมาเปรียบเทียบ ก็ไม่ใช่ข้อโต้แย้งที่สมเหตุสมผล เพราะคุณกำลังเอาบรรทัดฐานของคนอื่น ที่ก็ไม่รู้ว่า เหมาะสมหรือไม่ มาตัดสินซึ่งกันและกัน มันไม่เกี่ยวกัน ทำไมไม่บอกมาเลยว่า หลักฐานทางการเงินต้องมีเงินนี้นิ่งๆอยู่มาเปนเวลาเกินหกเดือน หรือต้องชี้แจงที่มาที่ไปได้ ถ้าเงื่อนไขนี้มันมีความสำคัญต่อการพิจารณาอุนมัติขนาดนี้ ทำไมไม่บอกแต่แรก มีเงื่อนไขอะไรที่ significant อีกบ้าง ทำไมไม่แจ้งให้ทราบตั้งแต่ข้นตอนการยื่นใบสมัคร หรือขอหนังสือรับรอง เพื่อที่ว่า คนที่ยื่นใบสมัครมานี้ จะได้เป็นกลุ่มคนที่ถูกคัดกรองมาแล้ว มีโอกาสได้วีซ่าเกิน 80% - 90% ทางสถาณฑูตเองก็จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียเวลาตรวจสอบลงรายละเอียด เพราะเอกสารทุกอย่างถูกจัดมาให้มาสมบูรณ์แบบ นั่นคือจุดประสงค์ของการให้มีหนังสือรับรองจาก สท มิใช่หรือ มันก็ไม่ได้ยากไปนะ ที่จะเขียนอักษรอีกสักไม่กี่ประโยคลงในเงื่อนไขการสมัคร หรือใบข้อมูลประชาสัมพันธ์ ปัญหาแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น หรือถ้ามีก็น้อยกว่านี้ ผมมองว่า การสื่อสาร การแจ้งข่าวสารที่มีความสำคัญยิ่งยวดขนาดนี้ เป็นสิ่งที่ควรปรับปรุงครับ เพราะมันไม่โอเคเลยจริงๆ
AleltyVaddy
( date 0.00.0000 )     114.76.77.47
   ความคิดเห็นที่ 11
ปีนี้โหดจริงๆ -"- เป็นกำลังใจให้คนที่ไม่ผ่านนะคะ วางแผนกันใหม่แล้วถ้าอยากลองสู้อีกครั้งขอให้ผ่านค่ะ
dro4er
( date 0.00.0000 )     114.74.155.95
   ความคิดเห็นที่ 12
อืมม.... เรืองชักยาวเนอะ ใจเย็นๆ นะคะ ส่วนตัวเราขอพูดสัก 2-3 เรื่องนิดนึงนะคะ 1.. เรื่องต่อว่า คุณเกมส์ก่อน อย่าเลยนะคะ ไม่ได้เข้าข้างเรา K. เกมส์นะ แต่ว่า ย้อนกลับคิดไปดีๆ เราได้ข้อมูลต่างๆ ในเว็บนี้เยอะมาก จริงไหมคะ อีกอย่าง เกมส์ก็พยามช่วยเหลือทุกอย่างตามที่ช่วยได้ ตั้งแต่ก่อนเริ่มสมัคร สท. เสียอีก เเล้วก็ตามติดการให้ข้อมูล ช่วยเหลือ ตอบคำถามมาตลอด แม้ว่าบางคำถามจะตอบไปเเล้วหลายรอบก็ตาม (^^)จิงไหมคะ.. 2. เราเอง ในฐานะ คนแรก (มั้ง รึเปล่า) ที่บอกเรื่องเราโดน reject โดยที่ไม่ได้มีโอกาสยื่น อธิบายอะไรเพิ่มเติมเลย ยอมรับนะคะ เย็นวันนั้น เราเคืองการทำงานของ จนท. หลาย standard .. 1 คน ก็ 1 แบบ.. (โดนนี้ก็ยังรู้สึกอยู่ อันนี้ บอกกันตรงๆ เลยทีเดียว) แถมอึ้ง ตื้อ... คิดจะ complaint ไปนะคะ แต่เราว่า ไร้ประโยชน์อ่ะนะ สู้เอาไปคิดหาทางต่อดีกว่า เย็นวันนั้นก็พยามตั้งสตินะคะ ไม่ฟูมฟาย ไม่ร้องไห้ คิดหาทางต่อ ว่าทำไรได้บ้าง วันรุ่งขึ้น แฟนเราเค้าโทรไปคุยกะ จนท ขอทราบคำแนะนำ ซึ่ง ได้ว่า ถ้ามั่นใจ ก็ยื่นใหม่ ... ก็โอเคนะ ใจชื้นมาหน่อย พอมีทางบ้าง แม้ว่าจะยังเซ็งบ้าง แต่ทำไงได้ล่ะ อยากไปนิ ก็ลองดูกันสักตั้งจะเปนไร ถ้าคิดว่า ถ้าได้วีซ่า แล้วมันคุ้ม. ... 2 วันที่หายไปมานี้เราพยามคิดๆ + หาหลักฐานให้พร้อมที่สุด เพื่อ re-apply อีกรอบ เ เพื่อนๆ น้องๆ ที่โดนเหมือนเรา ใจเย็นๆ นะ ร้ว่าเครียดค่ะ เครียดมาก สุขภาพจิตเสีย เราเองเหมือนกัน เหมือนคนโรคจิตมา 1 เดือนกว่า เพระว่า แฟนเราได้แล้วหลั แต่เรายังเงียบ เหอะๆ เช็คเมล์ทุกวัน วันละ 4-5 เวลา 55++ มีใครเป็นเหมือนเราบ้าง เราว่า หลายคนแหละ แต่ว่า ตั้งสตินะคะ เราไม่ได้บอกว่า เราเก่งนะ เพราะบางเวลาทั้งเมื่อวาน วันนี้ ก็ยังหลุด งอแง + วีน เล้กๆ ใส่แฟนอยู่ทั้งๆ ที่เค้าก็หาทางช่วยอยู่แท้ๆ... แต่ท่องไว้ๆ นะ ตั้งสติคะ หาทางแก้ปัญหาดีกว่า เพราะ บ่นไป โมโหไป ก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องมันเกิดมาแล้ว หาทางแก้ หาทางออก กันดีกว่า เราว่า เพื่อนๆ น้องๆ ในห้องนี้ ยังพร้อมให้คำปรึกษานะ.. ^^ ใครอยากลองสู้กันสักรอบ มามะๆ จับมือไว้แล้วไปด้วยกันค่ะ ...((^^))..... :laugh:
Jimmi
( date 0.00.0000 )     58.8.95.203
   ความคิดเห็นที่ 13
การโดนปฏิเสธวีซ่ามันเป็นเรื่องธรรมดามากเลยนะคะ สถานฑูตไหนๆ ก็เป็นทั้งนั้น แต่โอเค อันนี้มันอาจจะเซ็งกว่าเดิมที่เราคาดหวังว่าจะได้วีซ่าอย่างรวดเร็ว เพราะตอนเรายื่นที่ vfs เค้าบอกว่า 10 วันทำการ และคิดว่าได้หนังสือมาจากสท. แล้วคงได้แน่ๆ ส่วนเรื่องหลักฐาน ที่บ่นว่าทำไมใจร้าย ไม่ปล่อยให้ชี้แจง มันก็ไม่ใช่ทุกครั้งหรือทุกสถานฑูตที่เค้าจะเปิดโอกาสให้เราชี้แจงนะคะ ที่พิจารณาไปเลยมีเยอะแยะไป วีซ่าอื่น อีกอย่าง เราไม่ได้ไปเห็นตอนเค้าทำงานจริงๆ ก็ไปสรุปไม่ได้หรอกว่าเค้าใช้เวลาพิจารณาของเราแค่แป๊บเดียวหรือยังไง ส่วนเรื่องสองมาตรฐานอะไรหรือไม่ ก็ว่าไม่ได้หรอกค่ะ เค้าใช้คนพิจารณา ลงความคิดเห็น ไม่ได้ตรวจแค่ครบไม่ครบ มันตัดสินกันยากอยู่แล้ว เรียกว่าเราต้องยอมรับผลการตัดสินใจของเขาตั้งแต่ยอมจ่ายค่าวีซ่า ยื่นเอกสารแล้วนะ เราว่า เซ็งก็เป็นเรื่องปกติ ได้แต่ทำใจอ่ะ เราว่าจะสมัครโครงการนี้ก็ต้องทำใจไว้ส่วนนึงตั้งแต่แรกแล้วนะ เพราะข้อกำหนดของสท. มันไม่ได้เคร่ดครัดมาก เค้าก็คงอยากให้ได้สิทธิ์กันทุกคน แต่เค้าก็ไม่ได้รับรองอะไรอีกนี่นา ให้ใบมา ที่เหลือก็เป็นเรื่องของเราเอง เรื่องหลักฐานทางการเงินเป็นเรื่องสำคัญที่สุดอยู่แล้วเวลาขอวีซ่าทุกประเภท โชคดีที่โครงการนี้ขอแค่ 5000 เหรียญ ถ้าไปด้วยวีซ่าอื่น แล้วขอไปอยู่เป็นปีเนี่ย ต้องใช้สเตทเม้นซักเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ถ้าเงินมันเข้ามาเป็นก้อนก็ต้องทำใจหน่อย เพราะมันน่าสงสัยอยู่แล้ว ของเราทยอยเอาเข้าตั้งแต่ต้นปีเลยนะคะ เพื่อความแนบเนียน แต่ก็เห็นด้วยกับคุณ Jack 153 นะคะ เค้าน่าจะระบุให้ชัดเจนหน่อยว่าเอกสารขออะไรบ้าง อยากได้แบบไหน จะได้ไม่ต้องวุ่นวายกันไปหมดทั้งคนพิจารณา คนยื่นอย่างนี้ เพราะตอนเรายื่นเราก็งงมากเลย ถ้าไม่มีเว็บนี้เราก็คงยื่นอะไรงูๆ ปลาๆ เพราะ checklist มันก็ไม่ค่อยละเอียดเลยนะ เราว่า ต้องขอบคุณเว็บนี้และพี่เกมส์มากมายค่ะ ยังไงถ้าจะขอใหม่ก็สู้ๆ กันทุกคนแล้วกันนะคะ รอให้หลักฐานพร้อมทุกอย่างแล้วค่อยลุยต่อ เพราะค่าวีซ่ามันแพง เราเข้าใจมากๆๆๆ ขอให้โชคดีค่ะ
DennisKew
( date 0.00.0000 )     49.48.137.30
   ความคิดเห็นที่ 14
ได้เข้ามาดูบอร์ดวันนี้ก็ตกใจเล็กน้อยว่าเกิดอะไรขึ้น และเห็นใจเพื่อนๆนะครับ ความไม่พอใจเวลาผิดหวังมันแน่อยู่แล้ว แต่อย่าเพิ่งโยนไปโดนคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องครับ วีซ่าผมเองก็ไม่มั่นใจว่าจะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านก็คงเซ็งจัดอยู่สักสัปดาห์แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตอย่างเก่า อาจจะ apply ใหม่หรือขอใหม่ปีหน้าไปเลย Life goes on :)
Ronaldjeak
( date 0.00.0000 )     110.168.2.148
   ความคิดเห็นที่ 15
แล้วอย่างนี้ควรส่งจดหมายชี้แจงไปก่อนที่ทางนั้นจะ request มาไหมครับ
AleltyVaddy
( date 0.00.0000 )     124.121.205.228
   ความคิดเห็นที่ 16
[b]fujiwara wrote:[/b] [quote]แล้วอย่างนี้ควรส่งจดหมายชี้แจงไปก่อนที่ทางนั้นจะ request มาไหมครับ[/quote] ถ้าเข้มกันขนาดนี้ ผมแนะนำว่าควรส่งไปเลยครับ ส่งไปที่ VFS ได้เลย
RichardOn
( date 0.00.0000 )     203.144.144.164
   ความคิดเห็นที่ 17
เห็นด้วยสุดๆเลยค่ะเรื่องที่บอกว่าเราควรจะตั้งสติและต้องใจเย็น คือว่าเราสมัครกับ สท. รอบสอง คิดว่าได้ใบรับรองก็จะยื่นขอวีซ่าเลย แต่พอเห็นว่าเพื่อนๆหลายคนต้องเจอปัญหากันมากมาย ก็ทำให้รู้สึกตัวขึ้นมา ว่าจะต้องใจเย็นให้มาก ค่อยๆคิด ค่อยๆเตรียมเอกสาร เอาให้พร้อมที่สุด ในเมื่อทางสถานทูตเข้มงวดกับเรา เราก็คงต้องเข้มงวดกับตัวเองและหลักฐานให้มากขึ้นด้วย ยังไงก็[color=#0000FF]สู้ๆนะคะทุกคน[/color] ใครที่โดนปฏิเสทก็[b][color=#FF40BF]อย่าเพิ่งท้อ[/color][/b] ยังมีอีกหลายหนทางให้เราทำตามฝัน ^^ [color=#00BF00]เป็นกำลังใจให้นะคะ[/color] :cheer:
thebest
( date 0.00.0000 )     182.53.2.44
1