




แนะนำข้อสังเกตในการเช็คให้ชัวร์ก่อนแชร์ข้อมูลภาพถ่ายแผนที่แสดงไฟป่าในออสเตรเลีย
ก่อนหน้านี้ในโลกออนไลน์ได้มีการแชร์ภาพที่อ้างว่าเป็นภาพถ่ายดาวเทียมจาก NASA แสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่ถูกไฟไหม้ในออสเตรเลีย ทั้งที่จริงแล้วรูปนั้นกลับเป็นภาพที่ทำจำลองขึ้นมาเองแบบสามมิติ จึงเกิดการแชร์ข้อมูลเท็จขึ้น
ภาพที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพถ่ายจาก NASA / IMAGE : anthony_hearsey
ดังนั้นทาง thaiwahclub จึงได้นำบทความของ Dr Juan Pablo Guerschman มาแปลให้อ่านกัน เพื่ออธิบายให้เห็นว่าเราจะมีวิธีสังเกตอย่างไรว่าข้อมูลที่เห็นเป็นภาพถ่ายที่ได้จากดาวเทียมจริงๆ
1. ภาพสะท้อน
มีดาวเทียมไร้คนขับจำนวนมากกำลังโคจรและถ่ายภาพโลกไว้ใช้สังเกตการณ์ไฟป่าแบบเรียลไทม์ ซึ่งภาพพวกนี้มักจะเป็นภาพสะท้อนคล้ายๆกับเวลาเรามองออกมานอกหน้าต่างเครื่องบิน แต่ภาพที่เห็นจะอยู่ในมุมที่สูงกว่าและแสดงให้เห็นพื้นที่ได้กว้างกว่า
ข้อมูลภาพสะท้อนนั้นจะบันทึกข้อมูลในช่วงของสเปกตรัมแม่เหล็กไฟฟ้าระยะที่มองเห็นได้ หรืออีกความหมายหนึ่งก็คือสิ่งที่เราสามารถมองเห็น แม้ว่าดาวเทียมจะสามารถจับภาพในระยะที่กว้างกว่านั้นได้ เช่น ระยะคลื่นอินฟราเรด
ภาพที่ถ่ายมาจะไม่ได้แสดงขอบเขตกำหนดพื้นที่ของประเทศเนื่องจากลักษณะทางกายภาพ ดังนั้นจึงมักจะมาร์คจุดแสดงสถานที่เพื่อใช้ประโยชน์จากภาพดาวเทียม
จากภาพตัวอย่างที่ให้มาสามารถคาดการณ์ได้ว่าบริเวณไหนที่มีไฟไหม้บ้าง โดยดูจากจุดที่มีควันไฟ
IMAGE : NASA Worldview / https://go.nasa.gov/2TafEMH
2. สีบนภาพที่ผิดเพื้ยน
แถบคลื่นอินฟราเรดระยะสั้นมีความไวต่อไฟมากกว่าความไวต่อควัน นั่นหมายถึงว่าภาพพวกนี้สามารถบอกเราได้ว่าพื้นที่จุดไหนที่กำลังมีไฟไหม้บ้าง และพื้นที่ไหนที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว
การแปลงระยะคลื่นอินฟราเรดให้เป็นภาพที่ตามนุษย์มองเห็นได้ มักจะทำให้เกิดสีของภาพที่ผิดเพี้ยนเหมือนดังตัวอย่างภาพด้านล่าง
ควันไฟจะแสดงให้เห็นเป็นภาพสีเทาจางๆ สีแดงแสดงให้เห็นจุดที่กำลังมีไฟไหม้ ส่วนสีน้ำตาลแสดงให้เห็นบริเวณที่ถูกไฟไหม้ไปแล้ว
IMAGE : NASA Worldview / https://go.nasa.gov/2NhzRfN
3. จุดความร้อน
การใช้ภาพสะท้อนสามารถใช้ได้เฉพาะภาพที่ได้จากดาวเทียมในเวลากลางวัน ในขณะที่จุดความร้อนหรือ thermal hotspots สามารถระบุจุดที่เกิดไฟไหม้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน
thermal hotspots จะใช้วัดค่าว่าบริเวณใดที่มีค่าความร้อนหรือความเย็น โดยจุดที่มีความร้อนหรือ hotspots สามารถใช้สืบหาจุดที่มีไฟไหม้ได้
นอกจากนี้ยังสามารถใช้ข้อมูลสร้างแผนที่รวบรวมข้อมูลพื้นที่ที่มีความร้อนในช่วงหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือหลายเดือนได้ด้วย
ภาพแสดงให้เห็นสีที่ผิดเพี้ยนพร้อมจุดความร้อนที่เป็นสีแดง / IMAGE : NASA Worldview / https://go.nasa.gov/2rZNIj9
นอกจาก 3 ข้อข้างบนแล้วยังมีข้อสังเกตอื่นๆอีก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแชร์ข้อมูลผิดๆอีก
ข้อสังเกตต่อไปนี้เป็นเพียงข้อมูลเบื้องต้นที่ช่วยให้เรารู้ว่าข้อมูลที่ถูกแชร์บนออนไลน์ เป็นภาพจริงหรือถูกทำขึ้นมา
ดูบทความดั้งเดิมได้ทางลิงก์ The Conversation