ข่าวสาร >
2019
January
10
ประสบการณ์โหดมันส์ฮาก่อนจะได้ 2nd Wah Visa ทั้งเข้ารพ.ในออส คนติดยาขึ้นบ้าน โดย คุณกวาง วชิราภรณ์
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 7074 คน )

    บทความสัมภาษณ์นี้จะไปพาไปรู้จักกับคนไทยอีกคนที่ได้ 2nd Work and Holiday Visa คุณกวาง วชิราภรณ์ ศุภศิรประภา ด้วยประสบการณ์ต่าง ๆ ที่ถือว่าการไปออสเตรเลียในครั้งนี้คุ้มค่าสุด ๆ ตั้งแต่การทำงานที่คุณกวางได้ทำทุกประเภท ไม่ว่าจะทำงาน Full time, Part time หรือว่าทำงานเสาร์อาทิตย์ที่ได้ค่าจ้างเป็นรายชั่วโมง

    และประสบการณ์อื่น ๆ ในออสเตรเลียที่เอามารวมเขียนเป็นหนังสือได้เล่มนึงเลย อย่ารอช้า ไปอ่านบทสัมภาษณ์กันเลยค่ะ

 

Thaiwahclub : แนะนำตัวคร่าวๆค่ะ ตัวเองชื่ออะไร เรียนจบจากไหน ทำอะไรมาก่อนบ้าง

    ชื่อกวาง วชิราภรณ์ ศุภศิรประภา ค่ะ เรียนจบจากคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน เอกประชาสัมพันธ์จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก่อนหน้าจะมา Work and Holiday ที่ออสเตรเลียกวางทำงานที่ SCG ด้าน Marketing มาเกือบ 6 ปีค่ะ 

 

Thaiwahclub : เตรียมตัวสมัครวีซ่า Work and Holiday อย่างไรบ้างคะ 

    เอาจริงๆ ตอนนั้นแทบไม่ได้เตรียมตัวเลยค่ะ คือกวางฝันตั้งแต่เด็กๆ ว่าอยากไปทำงานที่ต่างประเทศเพราะเราเคยไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นิวซีแลนด์และเคยไป Work and Travel ที่อเมริกาตอนเรียนจบ แล้วก็คิดว่าด้วยบุคลิกและทัศนคติของเราค่อนข้างไปทางตะวันตกมากกว่า ไม่ใช่เมืองไทยไม่ดีนะคะ กวางรักเมืองไทยค่ะแต่เหมือนมันยังไม่ใช่ที่ของเราจริงๆ 

    จนพอได้งานที่ SCG แล้วก็ติดสบายค่ะบอกตรงๆ ฮ่าๆๆ จนสุดท้ายแล้วคงเป็นชะตาที่อยู่ๆ วันนึงก็คิดว่านี่เรามาทำอะไรตรงนี้? เราลืมความฝันเราไปหรือเปล่า? พอคิดได้ตอนนั้นก็ Google เลยค่ะว่ามีวีซ่าอะไรบ้างที่เราจะสามารถไปทำงานหรือใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศได้สัก 1-2 ปี 

    แล้วก็มาเจอข้อมูล Work and Holiday visa จากเว็บ Thaiwahclub นี่แหละค่ะ ก็รีบไปสอบ IELTS เลยเพราะตอนนั้นเป็นรอบเกือบสุดท้ายแล้วค่ะที่จะใช้ Ielts ทันกดโควตาในปีนั้น แล้วปีที่กดได้ตอนนั้นกวางก็อายุ 29 แล้วค่ะ เรียกได้ว่าฉุกละหุกมาก ฮ่าๆๆ

 

Thaiwahclub : ตอนอยู่ออสเตรเลียคุณกวางได้ทำงานอะไรบ้างคะ แล้วแต่ละงานมีตำแหน่งหน้าที่ยังไงบ้าง

    มาถึงครั้งแรกกวางตรงดิ่งไปที่ซิดนีย์ค่ะเพราะส่ง Resume ไปที่ Marketing event agency ตั้งแต่อยู่ที่ไทยแล้วเขาสนใจบอกว่ามาถึงแล้วให้มาสัมภาษณ์ แล้วพอสัมภาษณ์เสร็จก็ได้งานค่ะ หน้าที่หลักๆ คือเป็น Admin และ Marketing Coordinator ค่ะ งาน Admin ก็จะทำทุกอย่างค่ะ เช่น คอยรับโทรศัพท์ สั่งของใช้ในออฟฟิศ ไปทำธุรกรรมทางการเงินที่ธนาคาร ฯลฯ

    ส่วน Marketing Coordinator ก็จะคอยหา Staff ไปทำงาน Event ที่เราจัดทั่วออสเตรเลีย ส่งอุปกรณ์พวก Photo Booth ไปที่จัดงาน คอยเช็คว่างานทุกอย่างผ่านไปด้วยดี แล้วก็ดูแล Social Media ทั้งหมดของบริษัทค่ะ โดยจะวางแผนกับกราฟฟิกดีไซเนอร์ล่วงหน้า 3 อาทิตย์ว่าแต่ละวันเราจะลง Content อะไรบ้าง บางทีกวางก็ช่วยออกแบบ Artwork ด้วยค่ะ

    นอกจากงาน full time ที่ Marketing Event Agency แล้วกวางยังทำ Part time เป็นคนขายตั๋วที่ Comedy Show หลังเลิกงานด้วยค่ะ แล้วก็บางทีเสาร์อาทิตย์ก็ทำ Kid face Painting ค่ะ

    หลังจากอยู่ซิดนีย์เกือบหกเดือน กวางก็ย้ายมาเมืองแคนส์เพื่อจะทำงานต่อวีซ่าปีที่สองค่ะ ตอนนี้ทำ House Keeping ที่โฮสเทลอยู่ค่ะ เก็บวันทำงานครบเรียบร้อย ปีใหม่จะกลับไปต่อวีซ่าที่ไทยแล้วค่อยบินกลับไปเริ่มต้นใหม่ที่ซิดนีย์ค่ะ

 

Thaiwahclub : งานที่ทำแต่ละที่มีความเหมือนหรือต่างกันยังไงบ้างคะ คุณกวางชอบงานที่ไหนมากกว่ากัน

    ก็มีความต่างกันชัดเจนนะคะ งานที่ Agency จะเครียดที่สุดค่ะ เพราะอย่างที่รู้ๆ กันคืออะไรก็เกิดขึ้นได้กับการทำงาน Event เคยมีแบบงานมีพรุ่งนี้เจ็ดโมงเช้าที่ Adelaide คืนนั้นสามทุ่ม Staff โทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุขาแพลงพรุ่งนี้ไปทำงานให้ไม่ได้แล้วนะ เราก็ต้องรีบเข้าไปแก้ปัญหาตรงนี้ค่ะ แต่ก็ท้าทายดีค่ะถือว่าได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ 

    ส่วนงานขายตั๋วที่ Comedy Club ก็สบายๆ ค่ะ นั่งเฉยๆ คนเดินมาถามรายละเอียดแล้วเราก็แค่ขายตั๋ว แจกริชแบนด์ให้เข้าไปนั่ง แค่นี้เองค่ะ แต่ชอบที่สุดคงจะเป็นงาน Kid face painting ค่ะ เพราะกวางชอบวาดรูประบายสีแล้วก็ชอบเด็กค่ะ ทำงานทีหกชั่วโมงติดกัน เวลาผ่านไปไวเหมือนสองชั่วโมงค่ะ เพราะเรามีความสุขมาก แถมงานนี้เงินดีที่สุดด้วยค่ะ จ่าย 35-50 ดอลลาร์/ชั่วโมง 

    งานที่หินสุดสำหรับกวางคงเป็น House Keeping นี่แหละค่ะ คือเราชินกับการนั่งทำงานในออฟฟิศมา 6 ปี พอมาทำงานใช้แรงงานบอกตรงๆ ว่าเหนื่อยค่ะ แล้วอายุก็ 30 แล้วค่ะ รู้เลยว่าสังขารเราไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว ฮ่าๆๆ

 

Thaiwahclub : สังคมการทำงานที่ออสเตรเลียเป็นยังไงบ้างคะ

    สังคมการทำงานในออสเตรเลียเวลาสำคัญมากถึงมากที่สุดค่ะ มาสาย 1 นาทีก็คือสายค่ะ แล้วคนที่นี่ก็จะพูดตรงๆ ตอนทำงานอยู่ที่ไทยกวางชอบโดนว่าว่าเป็นคนแรงๆ แต่มาที่นี่เรากลายเป็นสายซอฟต์ขึ้นมาทันทีค่ะ แต่ด้วยบุคลิกของเราที่อยู่ตรงกลางระหว่างคนไทยและชาวตะวันตกก็ทำให้คนในที่ทำงานเอ็นดูเรานะคะ แบบว่าเราประนีประนอมอ่อนข้อในบางที และต่อสู้ในบางครั้งค่ะ 

    แล้วก็ที่ชอบที่สุดคือการทำงานที่นี่ การ Bully ในที่ทำงานถือว่าผิดกฎหมายเลยนะคะ ฟ้องร้องขึ้นศาลได้เลยค่ะ การที่มีคนในที่ทำงานมาพูดจาไม่ดีกับเรา เช่น หยายคาย ก้าวร้าวกับเราก็ถือเป็นการ Bullying อย่างหนึ่งค่ะ ถ้าเราบอกนายก็คือนายก็จะไปเตือนหรือแม้กระทั่งไล่ออกได้เลยค่ะ 

 

Thaiwahclub : มีกิจกรรมอื่นๆอะไรอีกบ้างมั้ยคะที่ได้ทำในออสเตรเลีย

    เนื่องจากอยู่ที่นี่เพื่อนส่วนใหญ่ของกวางจะเป็นชาวตะวันตกมากกว่า ทำให้กิจกรรมของกวางก็เป็น Outdoor Activities ซะส่วนใหญ่ค่ะ กวางพยายามจะออกไปทำอะไรใหม่ๆ เช่น เดินสำรวจชายหาดต่างๆ ในซิดนีย์ ไปอาบแดด ล่องเรือยอร์ชที่ Darling Harbour เล่นเซิรฟ์ ปีนเขา 

    ตอนอยู่ซิดนีย์ Youtube ทีวีนี่แทบไม่ดูค่ะ เพราะเอาจริงๆ รู้สึกว่าเสียเวลาเหมือนมันมีอะไรหลายๆ อย่างให้เราไปสำรวจไปค้นหา แล้วก็ได้แบ็กแพ็คไปเมลเบิรน์และเที่ยวที่ Great Ocean Road ด้วยค่ะ 

    พอย้ายมาแคนส์เมืองก็เล็กมากค่ะ มีความหดหู่ปานกลางถึงมากที่สุด แต่เนื่องจากได้เพื่อนดีมากๆ ที่นี่ค่ะ ก็เลยพอคลายเหงาไปได้บ้าง ที่แคนส์กวางก็ไปดำน้ำดูปะการังที่ Great Barrier Reef ค่ะ ไปปาร์ตี้ล่องเรือ ไปเที่ยวที่ Fitzroy Island ขี่เจ็ทสกีไปที่ Green Island เสาร์อาทิตย์บางทีก็ไปอาบแดดที่สระว่ายน้ำที่ Lagoon ค่ะ

Thaiwahclub : หลังจากได้ 2nd Work and Holiday แล้วแล้วมีแผนจะทำอะไรต่อบ้างคะ

    ก็คิดว่าหลังจากได้วีซ่าปีที่สองแล้วจะบินกลับไปที่ซิดนีย์และอยู่ซิดนีย์ยาวเลยค่ะเพราะกวางรักซิดนีย์มาก ถูกชะตาตั้งแต่วันแรกที่มาถึงเหมือนเดจาวูว่าเราเคยอยู่ที่นี่มาก่อน ฮ่าๆๆ 

    วางแผนว่าจะพยายามสมัครงานด้าน Marketing และหานายจ้างสปอนเซอร์เราค่ะเพราะงานด้านนี้อยู่ใน Skill list ที่ขาดแคลน ก็คืออยากจะอยู่ออสเตรเลียให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ค่ะ แต่ถ้าสุดท้ายเราไปต่อไม่ได้ต้องกลับไทยก็ไม่เป็นไรค่ะ เพราะยังไงประสบการณ์ทำงานที่เราได้จากที่นี่ก็ดีต่อ resume ของเราที่จะไปสมัครงานที่ไทยในอนาคตค่ะ

 

Thaiwahclub : มีบางคนอยากได้ 2nd Work and Holiday เหมือนกัน คุณกวางช่วยอธิบายได้มั้ยคะว่าถ้าอยากได้วีซ่าปีที่สองต้องทำยังไงบ้าง

    ในปีของกวางข้อกำหนดคือจะต้องไปทำงานในเขต Northern Areas ที่กำหนดเป็นระยะเวลา 88 วัน ในงานที่กำหนดด้วยค่ะ เช่น ฟาร์ม, Waitress, House Keeping ฯลฯ ส่วนใหญ่ก็คืองานใช้แรงงานค่ะเพราะรัฐบาลพยายามจะแก้ปัญหาขาดแคลนแรงงานในเขตเหล่านี้ 

    แต่เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเพิ่งมีการเปลี่ยนกฎใหม่ค่ะ คือไม่ต้องมาเขตทางเหนือก็ได้ค่ะ ไปทำใน Area อื่นที่กำหนดก็ได้แต่ต้องเป็นงานฟาร์มเท่านั้นค่ะถึงจะขอต่อวีซ่าปีที่สองได้

 

Thaiwahclub : ทราบว่าตอนอยู่ออสเตรเลียมีเหตุให้คุณกวางต้องเข้าโรงพยาบาลด้วย ช่วยเล่าได้มั้ยคะว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วเราจัดการกับค่ารักษายังไง

    ตอนนั้นกวางเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบค่ะ แล้วคิดว่าคงไม่เป็นอะไรมากก็เลยซื้อยามากินเองค่ะ ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ไข้ขึ้นสูง 40 องศา หนาวสั่นฟันกระทบ พอไป Medical Center คุณหมอส่งตัวบอกให้ไปโรงพยาบาลด่วนค่ะ 

    พอไปถึงโรงพยาบาลเจาะเลือดก็พบว่าเลือดกับปัสสาวะติดเชื้อแล้วค่ะ เชื้อโรคลามไปถึงกรวยไตจนเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน หมอก็ให้ยาทางสายน้ำเกลือและดูอาการค่ะ ตอนนั้นโชคดีที่กวางทำประกันกับ Allianz ไว้ 

    ตอนที่รู้ว่าจะต้องเข้าโรงพยาบาลกวางก็โทรติดต่อ Allianz ที่ไทยเลยค่ะว่าคุณหมอส่งตัวไปที่โรงพยาบาลนี้นะ เจ้าหน้าที่ Allianz ก็จะติดต่อกับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ให้ค่ะ คือกวางไม่ต้องสำรองเงินจ่ายไปก่อนเองในกรณีนี้ รู้สึกค่าใช้จ่ายรอบนี้จะเกือบสองพันเหรียญนะคะถ้าจำไม่ผิด คือถ้าไม่มีประกันเราคงตายแน่จริงๆ ฮ่าๆๆ

 

Thaiwahclub : ยังมีเรื่องพีคๆ ที่คนติดยาแอบขึ้นบ้านด้วย เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นยังไงบ้างคะ 

    เหตุผลอีกอย่างที่กวางไม่ชอบแคนส์คือเมืองอันตรายค่ะ คนติดยาเยอะ มีอยู่คืนหนึ่งเราหลับอยู่คือมีคนติดยาเสพยาแล้วหลอนว่าจะมีคนมาฆ่าค่ะ เขาเตะกระจกหน้าต่างแล้วเข้ามาในบ้านพร้อมกับอาละวาดทำลายข้าวของค่ะ โชคดีที่ตอนนั้นคนอยู่ในบ้านครบห้าคน จำได้ว่าตอนนั้นเข้าใจแล้วค่ะว่ากลัวจนขยับตัวไม่ได้เป็นยังไง 

    ห้องกวางอยู่หน้าสุดของบ้านด้วยค่ะ เราได้ยินเสียงตั้งแต่กระจกแตก เสียงคนกรี๊ด เสียงคนติดยาอาละวาด เสียงทุ่มทำลายข้าวของ ตอนนั้นแค่จะเอื้อมมือไปคว้ามือถือหาตำรวจมือยังสั่น แต่สุดท้ายก็โทรได้ค่ะ เจ้าหน้าที่ที่รับสายคือเทรนมาดีมาก เขาพยายามพูดเสียงมั่นคงแต่อ่อนโยนให้เราหายกลัวค่ะ (แต่ก็กลัวอยู่ดี ฮ่าๆๆ) 

    ไม่เกินห้านาทีตำรวจก็มาค่ะ แล้วก็เกลี้ยกล่อมจนคนติดยาสงบลงแล้วก็พาไปสถานีตำรวจค่ะ แล้วตำรวจอีกส่วนก็สอบปากคำเราทุกคนค่ะ กว่าตำรวจจะไปก็ตีสอง แล้วเราก็ต้องทำความสำอาดบ้านค่ะ คือสภาพบ้านตอนนั้นเละเทะและเหม็นคาวเลือดมากค่ะ กลิ่นเลือดติดบ้านเป็นอาทิตย์ แล้วตอนนั้นทุกคนก็หลอนกันไปอาทิตย์นึงค่ะ แบบพอได้ยินเสียงเคาะกระจก หรือเสียงอะไรดังๆ จะสะดุ้งเลยค่ะ ฮ่าๆๆ 

    หลังจากเหตุการณ์ในครั้งนั้นกวางไม่เคยออกจากบ้านหลังพระอาทิตย์ตกดินคนเดียวเลยค่ะ ที่เมืองนี้บอกเลยค่ะว่าอันตรายกว่าซิดนีย์เยอะมาก ซิดนีย์กวางไปปาร์ตี้กลับบ้านห้าทุ่มเที่ยงคืนเดินคนเดียวไม่มีอะไรเลยค่ะ 

 

Thaiwahclub : ได้รับประโยชน์อะไรบ้างจากการไปออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday

    ประโยชน์ได้รับเยอะมากค่ะ เล่าสามวันก็ไม่จบ ภาษากับประสบการณ์จากงานอันนี้ได้อยู่แล้วชัวร์ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับกวางคงเป็นมิตรภาพดีๆ ที่ได้รับจากเพื่อนๆ ที่พบเจอกันค่ะ อย่างตอนอยู่ซิดนีย์เรามีเรื่องดราม่าท้อใจก็มีเพื่อนออสซี่ขับรถมารับเราถึงบ้านพาไปเที่ยวทะเล 

    ตอนอยู่โรงพยาบาลเป็นกรวยไตอักเสบเพื่อนร่วมบ้านคนชิลีกับมาเลเซียมานอนเฝ้าเราทั้งคืน ตอนไปทริป Great Ocean Road เจอคุณหมอจากนิวยอร์คแล้วคุยกันถูกคอมาก ปีหน้าจะแบ็คแพ็คไปเที่ยวนิวซีแลนด์ด้วยกัน 

    ตอนมาแคนส์ใหม่ๆ แล้วโดนนายจ้างเอาเปรียบสารพัดแล้วกวางร้องไห้ เพื่อนร่วมบ้านคนนิวซีแลนด์ก็เข้ามากอดแล้วทำกับข้าวให้กิน หรือตอนวันเกิดกวางที่แคนส์เพื่อนร่วมบ้านก็จัดปาร์ตี้แล้วเอาเค้กมาเซอร์ไพรซ์ กวางคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เงินเท่าไหร่ก็ซื้อไม่ได้ แล้วก็ถ้ากวางไม่ได้มาออสเตรเลียกวางก็คงไม่มีวันได้พบเจอคนเหล่านี้เลย

 

Thaiwahclub : อยากฝากอะไรถึงคนที่กำลังตัดสินใจจะไปออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday หรือเรียนต่อกันบ้างคะ

    อยากให้กำหนดเป้าหมายตัวเองให้ชัดค่ะว่ามาทำไม ความสุขในชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างบางคนบอกว่ามาเก็บเงินแล้วทำงานหกเจ็ดวัน ทำทีวันละสิบชั่วโมง ได้เงินแล้วแฮปปี้ก็ทำไปค่ะ ถือว่าคุณบรรลุเป้าหมายแล้ว 

    อย่างกวางบอกเลยมาเพราะอยากอยู่ต่างประเทศ อยากได้เพื่อนต่างชาติ อยากฝึกภาษา เงินไม่ใช่ประเด็นเลยค่ะเพราะไม่งั้นกวางอยู่ SCG ต่อไปก็ได้ไม่ต้องมา เพราะฉะนั้นเพื่อนรอบๆ ตัวกวาง 80% เป็น Native Speaker ค่ะ กวางก็ถือว่าตัวเองบรรลุเป้าหมายแล้ว เราต้องถามตัวเราก่อนค่ะว่าเราต้องการอะไรในชีวิตเราจะได้เดินทางเพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายนั้น

    อีกอย่างอยากฝากถึงคนไทยทุกคนที่จะมาออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday นอกจากเราต้องตั้งเป้าหมายของเราแล้วสิ่งสำคัญคือ Mind Set ของเราด้วยค่ะ ปัญหาใหญ่ๆ ของเด็กไทยคือการจำกัดกรอบ Mind Set ของเราไว้แค่นี้ค่ะ เช่น เรามาเราต้องทำร้านไทย ร้านนวด เพราะภาษาเราไม่ดี เราไม่ใช่ Native Speaker เพราะข้อจำกัดวีซ่าของเรา นายจ้างจะให้เงินเราน้อยๆ ก็ได้เพราะเราไม่มีทางเลือก ฯลฯ 

    คือจะบอกว่าผิดค่ะ ตอนกวางอยู่ซิดนีย์เพื่อนร่วมบ้านกวางเป็นคนโคลัมเบียและได้วีซ่านักเรียนซึ่งมีข้อจำกัดกว่าวีซ่าของเราอีกแต่ไม่มีใครได้เงินต่ำกว่ากฎหมายเลยค่ะ ทุกอย่างอยู่ที่ Mind Set ของเราค่ะ เราตีค่าตัวเราแค่ไหนคนอื่นตีค่าตัวเราเท่านั้นค่ะ You are what you think, what you think you become กวางเชื่อว่าถ้ากวางทำได้ทุกคนก็ต้องทำได้ค่ะ

    สุดท้ายแล้วขอฝากเพจ Alone in the wild ออสซี่จ๋าเราต้องรอด ของกวางใน Facebook ด้วยนะคะ เพจนี้บอกเล่าเรื่องราวครบรสจากการมาออสเตรเลียด้วยวีซ่า Work and Holiday สาระ 50% อีก 50% คือความสนุกสนาน ความรัก ความอลวน ความดราม่าไก่กาอาลาเล่ล้วนๆ ค่ะ ฮ่าๆๆ

 

    ติดต่อบทสัมสัมภาษณ์ครั้งต่อไปได้ที่ Facebook เพจ Thaiwahclub หรือทาง www.thaiwahclub.com สำหรับใครที่มีคำถามเพิ่มเติมสำหรับการเตรียมตัวหรือการใช้ชีวิตในออสเตรเลีย สามารถส่งคำถามมาทาง Inbox Facebook เพจ Thaiwahclub ได้เลยนะคะ แล้วเราจะถามให้ในบทความสัมภาษณ์ครั้งต่อไปค่ะ

    หรือถ้าใครมีประสบการณ์การไป Work and Holiday หรือไปเรียนที่ต่างประเทศแล้วอยากเอามาแชร์กัน สามารถติดต่อมาทาง Inbox Facebook ได้เช่นกัน หรือทางอีเมล zgamez@beyondstudycenter.com  ได้เลยจ้าา