ข่าวสาร >
2019
February
27
แชร์ประสบการณ์เรียนโท “Urban Design” ที่ RMIT และทำงานด้านสถาปัตย์ใน Melbourne โดย เนล Nutsara
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 8257 คน )

     “เนล” นัสรา แถมมี จบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ปัจจุบันกำลังศึกษาต่อระดับปริญญาโทในสาขา Urban design อยู่ที่ RMIT University หลังจากเคยมาทำงานสถาปนิกด้วยวีซ่า Work and Holiday ที่ออสเตรเลียก่อนหน้า

     RMIT University มหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในด้านสาขาเทคโนโลยี การออกแบบ และด้านประกอบการธุรกิจ เปิดสอนทั้งปริญญาตรี โท และเอก รวมถึงคอร์ส Vocational programs ซึ่งมีมาตรฐานระดับโลก ด้วยการสอนที่เน้นการปฎิบัติในชีวิตจริง

     การเรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของคุณเนลจะเป็นอย่างไร ตามไปอ่านกันต่อในบทสัมภาษณ์ได้เลย

 

     Thai WAH Club : ก่อนหน้าที่จะได้มาเรียนเคยถือวีซ่า WAH มาก่อนด้วย เล่าย้อนไปหน่อยค่ะว่าตอนนั้นมาทำงานที่ไหน ตำแหน่งอะไรเหรอคะ

     ตอนที่มา WAH ก็ตั้งใจจะหางานในสายงานที่ตัวเองถนัด โดยการส่ง portfolio ไปบริษัทที่สนใจ เข้าไปสัมภาษณ์งาน แล้วก็ได้เข้าไปทำงานตำแหน่งสถาปนิกที่ Steve Domoney Architecture ค่ะ

 

     Thai WAH Club : ถือว่าได้ทำงานตรงสายกับที่เรียนมาตอนปริญญาตรีด้วย หางานยากไหมคะกว่าจะได้งานตรงใจเรา

     ครั้งแรกที่มา WAH ไม่รู้เลยว่าการหางานที่ออสเตรเลียนั้นยากมาก การหางานให้ตรงสายคือ goal หลักของเนลในตอนนั้น ตอนหางานเนลตั้งใจมากค่ะ พยายามทำตามเป้าหมายที่จะหางานให้ได้ 

     โดยส่ง portfolio ไปบริษัทที่สนใจ เดินเข้าออฟฟิศไปยื่น portfolio และเข้าไปสัมภาษณ์งาน เรียกว่าก็ทำทุกอย่างค่ะ สุดท้ายถ้าไม่ได้งานในสายที่อยากทำ เนลก็ไม่เสียใจเพราะอย่างน้อยๆ ก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว 

     อีกอย่างเนลให้ระยะเวลากับการหางานและเข้าสัมภาษณ์เพียง 1 เดือน เพราะถ้าภายในระยะเวลาหนึ่งเดือนยังไม่ได้ก็คงต้องเปลี่ยนแผนค่ะ ตอนนั้นวางแผนสำรองไว้หลายอย่างมากเลย ฮ่าๆๆๆ

ความรู้สึกตอนนั้นมีทุกอารมณ์เลยค่ะ เหนื่อย ท้อ เคว้งคว้าง แต่ก็พยายามอย่างเต็มที่ค่ะ และหลังจากนั้นภายในสามอาทิตย์เนลก็ได้งาน

 

     Thai WAH Club : กลับมาครั้งนี้ได้มาเรียนต่อปริญญาโทที่ RMIT ถือเป็นความตั้งใจตั้งแต่ยังถือวีซ่า WAH อยู่เลย คุณเนลเรียนคณะสาขาอะไรคะ

     การศึกษาต่อระดับปริญญาโท ถือเป็นความตั้งใจอีกอย่างของเนลตั้งแต่หลังจากเรียนจบปริญญาตรี แต่อยากจะทำงานสะสมประสบการณ์ก่อนประมาณ 3-5 ปี หลังจากที่มีประสบการณ์การทำงานมาเกือบ 5 ปีประจวบเหมาะกับวีซ่า WAH ใกล้จะหมด เนลก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะกลับไปเรียนตามแผน 

     ตอนแรกเลือกหลายที่มากค่ะ หลายประเทศด้วย แต่ก็เพราะมีงานทำที่นี่ เลยเลือกที่เรียนที่เมลเบิร์น เพราะอย่างน้อยเนลสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วยตัวเองได้ ส่วนในการเลือกมหาลัยนั้น RMIT ค่อนข้างเด่นเรื่อง Art&Design และ coursework ซึ่งก็ตรงกับความต้องการค่ะ 

 

     Thai WAH Club : แล้ว Urban design นี่เรียนเกี่ยวกับอะไรบ้างเหรอคะ มีความเกี่ยวข้องกับงานที่เราทำอยู่ตอนนี้ด้วยไหมคะ

     Urban design หรือ “การออกแบบสถาปัตยกรรมชุมชนเมือง” คือการออกแบบวางผัง เพื่อสร้างสรรค์องค์ประกอบของชุมชนเมือง ไม่ว่าจะเป็น สภาพแวดล้อม ความหนาแน่นของเมือง พื้นที่ส่วนรวม ความหลายหลากหลายของกลุ่มประเภทอาคารภายในเมือง

     การออกแบบสถาปัตยกรรมชุมชนเมือง ก็เป็นอีกสาขาหนึ่งของสถาปัตยกรรมศาสตร์ แต่แตกต่างกันในขนาดของงานและกลุ่มผู้ใช้สอย งานที่ทำอยู่ตอนนี้คือออกแบบอาคารที่อยู่อาศัย เนลจึงอยากศึกษาต่อในลักษณะงานที่ท้าทายมากขึ้น บวกกับมีความสนใจในด้านนี้มาตั้งแต่เรียนปริญญาตรี

 

     Thai WAH Club : อยากรู้ว่าที่ RMIT มีจุดเด่นอะไรถึงทำให้เราเลือกเรียนที่นี่เหรอคะ

     RMIT ให้ความสำคัญกับเรียนในภาคปฎิบัติค่อนข้างมาก อีกทั้งยังมีอุปกรณ์การเรียนการสอนที่คอยสนับสนุนการเรียนที่ค่อนข้างครบ ซึ่งทั้งสองอย่างสำคัญมากๆ ในการเรียนทางด้าน Art&Design เนลเลยตัดสินใจเลือกเรียนที่นี่ค่ะ

 

     Thai WAH Club : ที่มหาวิทยาลัยมีกิจกรรมอะไรให้เรามีส่วนร่วมด้วยรึป่าวคะ

     เยอะมากเลยค่ะ เราสามารถเข้าร่วมได้เกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับสายวิชาที่เราเรียน กีฬา เข้าสังคม เรียกได้ว่าเราไม่สามารถไปได้ครบทุกอัน ฮ่าๆๆๆ 

     ส่วนใหญ่เนลจะเลือกไปในกิจกรรมที่เนลสนใจจริง อย่างเช่น lecture, workshop, exhibition และอันที่เนลเข้าร่วมบ่อยที่สุดน่าจะเป็นคลาสโยคะ ของมหาวิทยาลัยค่ะ ฮ่าๆๆ

 

     Thai WAH Club : แล้วสังคมการเรียนที่นั่นเป็นยังไง เรียนหนักมากไหมคะ

     สังคมในการเรียนจะเป็นแบบ International มากๆ ด้วยความที่เป็นมหาวิทยาลัยนานาชาติ การเรียนการสอนของที่นี่มีการทำงานเป็นกลุ่มค่อนข้างเยอะ ด้วยความแตกต่างของวัฒนธรรม ความคิด และประสบการณ์ ในการทำงานเป็นทีมแต่ละครั้งนั้น ทำให้เราได้เห็นการคิดที่หลากหลายออกไปจากเพื่อนๆ ที่แตกต่างวัฒนธรรม การเรียนในบางครั้งก็อาจจะยากบ้าง แต่เนลว่ามันทำให้เราได้เห็นมุมมองในหลายๆ รูปแบบ

     “เรียนหนักมากไหม?” การเรียนการสอนในห้องเรียนไม่หนัก แต่การทำงาน ค้นคว้า วิเคราะห์ ค่อนข้างหนักค่ะ การบ้านค่อนข้างเยอะ อีกทั้งวิธีการเรียนการสอนค่อนข้างแตกต่างจากที่ไทย สำหรับเนลแล้วเทอมแรกที่เข้าเรียน ปรับตัวและเรียนค่อนข้างหนักเลยค่ะ พอเราปรับตัวได้ทุกอย่างก็โอเคขึ้น

 

     Thai WAH Club : ตอนนี้ก็คือทั้งเรียนไปด้วยแล้วก็ทำงานกับบริษัทเดิมไปพร้อมกันเลย มีปัญหาในการแบ่งเวลาบ้างไหมคะ

     เนลพยายามแบ่งเวลาให้ไม่กระทบกันทั้งการทำงานและการเรียน พยายามให้บาลานซ์ทั้งสองข้างให้พอดีกัน แต่ด้วยความที่การบ้านค่อนข้างเยอะ ก็จะกระทบเวลานอน เวลาพักผ่อน เวลาเที่ยวเล่นระดับหนึ่งเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ

 

     Thai WAH Club : การมาออสเตรเลียครั้งที่แล้วกับครั้งนี้ต่างกันมากไหมคะ

     สำหรับเนลไม่ค่อยแตกต่างมากนะคะ แต่สนุกไปคนละแบบ ครั้งแรกที่มา WAH เรียกว่ามาใช้ชีวิตจริงๆ ค่ะ ทำงาน จ-ศ เสาร์อาทิตย์ ก็ออกไปเที่ยว ส่วนการมาครั้งนี้มีเป้าหมายคือการเรียน การออกไปเที่ยวเล่นก็ลดลง โฟกัสที่เรื่องเรียนมากกว่า เนลว่ามันก็สนุกไปคนละแบบค่ะ

 

     Thai WAH Club : ตั้งแต่อยู่ออสเตรเลียมามีเหตุการณ์ประทับใจอะไรที่เราจำไม่ลืมบ้างไหมคะ

     เหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดของเนลดูเป็นเรื่องเล็กน้อยมากๆ แต่เห็นเมื่อไหร่มันก็ทำให้เนลยิ้มได้เสมอ 

     เนลเป็นคนชอบเที่ยวธรรมชาติ แคมป์ปิ้งค่ะ ทุกครั้งที่ไปเที่ยว จะเห็นผู้คนเขาใส่ใจธรรมชาติกันมากๆ พยายามเบียดเบียนสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัวให้น้อยที่สุด เช่น การไปแคมป์ปิ้งแทบจะทุกคนเอาขยะของตัวเองกลับไปทิ้งที่บ้าน แทบจะไม่เห็นเศษขยะในสถาณที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเลย หรือไม่ว่าการทำลายชีวิตความเป็นอยู่ของสัตว์ตามธรรมชาติโดยให้อาหารสัตว์หรือรบกวนสัตว์ 

     และที่เห็นบ่อยที่สุดในการไปเดินป่าคือเจออาสาสมัครที่เข้าร่วมเก็บขยะและดูแลธรรมชาติเยอะมากๆ ชอบและประทับใจในการเคารพสิ่งมีชีวิตรอบๆ ตัวของคนที่นี่คะ

 

     Thai WAH Club : แล้วมีเหตุการณ์ไหนไหมคะที่ทำให้คุณเนลรู้สึกท้อ แล้วผ่านเหตุการณ์นั้นมาได้ยังไงคะ

     เหตุการณ์ที่ทำให้เนลรู้สึกท้อ น่าจะเป็นตอนเรียนเทอมแรกค่ะ ตอนนั้นอยู่ในช่วงปรับตัวในมหาวิยาลัย การเขียน essay คือสิ่งที่เนลไม่ชอบมาก เนลเป็นคนที่เขียนไม่เก่งมาตั้งแต่เด็ก  อีกทั้งยังต้องเรียน ทั้งทำงาน ทุกอย่างมันบั่นทอนไปหมดเลย เหนื่อยและท้อมากค่ะ ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบอยู่ ฮ่าๆๆๆ 

     ก็เลยพยายามตั้งใจจนถึงที่สุด ทำให้มันออกมาดี เนลใช้เวลากับมันเยอะมาก ใช้เวลาเป็นสองเท่าของคนทั่วไป เรียกว่าไม่ได้นอนกันเลยทีเดียว สุดท้ายก็ผ่านมาด้วยดี

 

     Thai WAH Club : หลังจากเรียนจบแล้วมีแพลนจะทำอะไรต่อบ้างคะ

     แพลนหลังเรียนจบของเนล เนลอยากจะออกเที่ยวให้รางวัลตัวเองซักหน่อยค่ะ ฮ่าๆๆ  ในเรื่องงานเนลยังสนุกและยังอยากจะทำงานในสายอาชีพนี้ต่อไป คงจะหาประสบการณ์การทำงานที่นี่ต่ออีก 1-2 ปี หลังจากนั้นค่อยว่ากันอีกที 

 

     Thai WAH Club : ฝากข้อคิดอะไรถึงคนที่ตัดสินใจจะมาเรียนต่อที่ออสเตรเลียหรือที่ RMIT สักหน่อยค่ะ

     สำหรับใครที่จะมาเรียนต่อที่ออสเตรเลีย เนลฝากเรื่องความมั่นใจในตัวเองทั้งทางด้านความคิด และการแสดงออกค่ะ เรามาเรียนรู้เพื่อฝึกฝนความคิดและเปิดรับสิ่งใหม่ๆ เนลเชื่อว่าเด็กไทยเก่งไม่แพ้ชาติอื่นเลยค่ะ เพียงแค่เราต้องกล้าพูด แสดงความคิดเห็น ที่นี่เป็นการเรียนแบบนานาชาติค่ะ เขาให้อิสระทางความคิด และการแสดงความคิดเห็นเป็นอย่างมาก เราได้โอกาสมาเรียนถึงที่นี่แล้ว ทำให้เต็มที่ค่ะ

     ส่วนสำหรับใครที่สนใจเรียนด้าน Art & Design เนลแนะนำ RMIT จริงๆ ค่ะ อุปกรณ์ส่งเสริมทางการเรียนทันสมัย และพร้อมมากๆ รับรองเลยว่าสนุกแน่ๆ ค่ะ :)

 

     อ่านบทสัมภาษณ์ครั้งก่อนของคุณเนลได้ที่ Work and Holiday Melbourne กับงานด้านสถาปัตย์

     นอกจากด้าน Art & Design แล้ว ที่ RMIT ยังมีสาขาที่น่าสนใจอื่นๆ อีก หากต้องการข้อมูลในการเรียนต่อที่ออสเตรเลียเพิ่มเติม สามารถปรึกษากับทีมงานของ Beyond Study Center ได้ฟรีทาง LINE@ : @beyondstudy

     ส่วนปีนี้ใครที่อยากมาเรียนกับ RMIT ทางมหาวิทยาลัยเขามีทุนให้กับนักเรียนไทยด้วย กับโครงการ "RMIT International Excellence Scholarship" ทุนส่วนลดค่าเรียน 20% สำหรับนักเรียนไทยในปี 2019