ข่าวสาร >
2019
February
15
แชร์ประสบการณ์เรียนโทและได้งานบริษัทใน Brisbane โดย คุณมะปราง กานตวีร์
โดย : Adminstrator ( จำนวนผู้เข้าชม 6692 คน )

     พูดคุยกับ “มะปราง กานตวีร์” สาวไทยที่ไปเรียน Marketing อีกหนึ่งสาขายอดนิยมของคนไทย ในมหาวิทยาลัย Queensland University of Technology (QUT) มหาวิทยาลัยชื่อดังในบริสเบน โดดเด่นด้านการสอนที่เน้นให้ลงมือทำจริงมากกว่าจำทฤษฎี

     หลังจากเรียนจบได้ทำงาน Sales ที่บริษัท Wholesale ในบริสเบน 

     การได้งานบริษัทแบบนี้เป็นสิ่งที่หลายๆคนอยากได้กัน​โดยเฉพาะหลังเรียนจบ ตามไปอ่านประสบการณ์ทั้งการเรียนและทำงานที่ออสเตรเลียต่อด้านล่างได้เลย

Thai WAH Club : แนะนำตัวหน่อยค่ะ ชื่ออะไร เป็นใคร มาจากไหนคะ

     ชื่อกานตวีร์ มีแก้ว ชื่อเล่นมะปรางค่ะ จบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง สาขาภาษาจีนธุรกิจค่ะ ปริญญาโทจาก Queensland University of Technology (QUT) จ้า

 

Thai WAH Club : ก่อนมาเรียนที่ QUT ได้เรียนที่ไหนหรือทำงานอะไรมาก่อนบ้างคะ

     สมัยเรียนจบใหม่ๆ ก็ทำงานมาก่อนค่ะ ทำงานโรงไฟฟ้าที่ประเทศลาว 2 ปี แล้วกลับมาทำงานที่กรุงเทพอีก 6 เดือน แล้วก็ตัดสินใจบินไปเมลเบิร์นค่ะ เรียน Diploma of Marketing ตอนอยู่เมลเบิร์นก็เรียนด้วย ทำงานไปด้วยค่ะ เน้นไปหาประสบการณ์ เพื่อนๆ ที่ไทยบอกว่า หนีไปหายใจอยู่เมลเบิร์น 1 ปีจากนั้นก็ตัดสินใจเรียนโทค่ะ

 

Thai WAH Club : ทำไมถึงเลือกมาเรียนที่ QUT คะ

     สมัยที่เรียนจบปริญญาตรี ตอนนั้นพี่สาวเรียนโทที่ University of Queensland (UQ) เลยมางานรับปริญญาแล้วก็เรียนภาษาที่ Shafston ด้วย 3 เดือน 

     ตอนนั้นเราก็พอรู้จักบริสเบนในระดับนึงแล้วล่ะว่าบ้านเมืองเขาเป็นยังไง การเดินทางหรือการใช้ชีวิตเป็นยังไง เลยตัดสินใจเก็บบริสเบนไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือก ตอนนั้นสมัครไว้ 3 มหาวิทยาลัยค่ะ สองที่ที่ซิดนีย์ (UTS กับ UNSW) แล้วก็หนึ่งที่ที่บริสเบนก็คือ QUT จากนั้นก็หาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายวิชาที่เรียน       benefits ที่คิดว่าจะได้จากการเรียนแต่ละที่ และที่สำคัญคือค่าเทอมค่ะ 

     ตอนหาข้อมูลเกี่ยวกับการสอนของมหาวิทยาลัย บวกกับความคิดเห็นจากหลายๆ คนเขาก็บอกมาว่า ลักษณะการเรียนของที่นี่จะค่อนข้างเน้นให้ทำจริง เรียกว่าได้มัน practical มากๆ ในขณะที่บางที่จะอ่าน จำทฤษฎี สอบ ซึ่งมันไม่ใช่แนวเราเลย สุดท้ายผลเลยมาตกที่ QUT

 

 

Thai WAH Club : Master of Business (Integrated Marketing Communication) ที่คุณมะปรางเคยเรียนเกี่ยวกับอะไร แล้วทำไมถึงสนใจมาเรียนสาขานี้คะ

     จริงๆ มะปรางไม่เคยมีความรู้ด้าน marketing มาก่อนเลยค่ะ เริ่มรู้จักว่าจริงๆ แล้ว marketing คืออะไรก็หลังจากที่ได้เรียน Diploma ที่เมลเบิร์น เราเลยรู้สึกสนุกกับวิชานี้ จากนั้นก็รีเสิร์ชเลยค่ะว่าที่ QUT ถ้าเป็น marketing นี่มีเรียนอะไรบ้าง เลยได้เจอว่าเขาก็มีอีกสาขาคือ Integrated Marketing  Communication (IMC) และเราเห็นว่าวิชาที่เขาสอนมันมีหลายวิชา ทั้ง Advertising Management, Marketing Managerment, Digital Marketing รวมไปถึงวิชา PR ด้วย เราเลยยิ่งรู้สึกว่ามันน่าสนใจและน่าจะต่อยอดสำหรับการทำงานที่ไทยได้ด้วยค่ะ

 

Thai WAH Club : แล้วสาขา Integrated Marketing Communication ที่คุณมะปรางไปเรียน มีประโยชน์หรือมีส่วนช่วยอะไรคุณปรางหลังจากเรียนจบมาบ้างคะ

     ด้วยงานที่ทำตอนนี้มันไม่ใช่งาน marketing เต็มตัวซะทีเดียวค่ะ (ตอนนี้ทำงานเซลล์) เราก็เอาสิ่งที่เราเรียนมาใช้แนะนำให้กับลูกค้าได้

     ส่วนงานที่ทำตอนนี้เป็นเซลล์ค่ะ ทำบริษัท wholesale ของ frest&frozen meats และ kitchen supply สำหรับร้านอาหาร คลับ โรงแรม โรงเรียน ใน Queensland อ่ะค่ะ หลักๆ ส่งให้ บริสเบน, gold coast, sunshine coast ค่ะ บริษัทเรามี head office อยู่ซิดนีย์ และก็ขยายมาบริสเบน ตอนนี้มีที่เมลเบิร์นด้วย

 

Thai WAH Club : บรรยากาศ สังคมการเรียนที่นั่นแตกต่างอย่างไรกับเรียนที่ไทยบ้างคะ

     โห ก็แตกต่างมากนะคะ ไปแรกๆ ช็อคค่ะ ตั้งแต่เด็กจนเรียนจบปริญญาตรี โดยส่วนมากเราจะเป็นฝ่ายรับมากกว่า อาจารย์สอนอะไรมา เราก็จดๆ ฟัง และก็ทำตาม แต่เราไม่ค่อยแสดงความคิดเห็นนะ เพราะกลัวว่าสิ่งที่เราพูดไปมันจะผิดแล้วจะโดนว่า แต่ที่นี่ไม่ใช่เลยค่ะ อาจารย์จะให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 

     หลายๆ ครั้งที่ให้ได้ทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม ซึ่งถ้าเป็นกิจกรรมกลุ่ม สำหรับนักเรียนที่ไม่ค่อยกล้าแสดงความคิดเห็นต่อหน้าอาจารย์ เราก็จะแอบมั่นใจขึ้น (นิดๆ) เวลาที่แสดงความคิดเห็นกับเพื่อนในกลุ่มค่ะ อีกอย่างมะปรางค่อนข้างโชคดีที่ได้เพื่อนๆ คอยช่วยเหลือค่ะ ทั้งเพื่อนไทยและเพื่อนต่างชาติ 

     เพื่อนต่างชาติที่เป็นออสซี่แท้ๆ เลยจะไม่ค่อยมีนะ อาจจะเป็นเพราะเราเรียน Business ด้วยรึเปล่าไม่แน่ใจ เลยจะเจอแต่เพื่อนที่เป็นเอเชียซะส่วนใหญ่ เพื่อนของเราทุกคนดีมากๆ ค่ะ ถ้าเรามีปัญหาเรื่องงาน เพื่อนบางคนเต็มใจส่งงานของเขามาให้เราดูเลยทั้งๆ ที่จริงๆ แล้วเราแค่ต้องการคำปรึกษาเฉยๆ ฮ่าๆๆ ส่วนเพื่อนๆ คนไทยที่เริ่มเรียนปีเดียวกัน เราเหนียวแน่นมากค่ะ ช่วยกันเต็มที่ ต่อให้เรียนคนละสาขาการเขียนรายงานก็จะคล้ายๆ กันอยู่แล้ว นอกจากเพื่อนๆ แล้วก็จะมีอาจารย์ที่เราสามารถบุ๊คเวลาเข้าไป consult ได้ด้วยค่ะ 

     แต่ตอนทำโปรเจกต์เป็นอะไรที่สนุก แต่เครียดมากกก (ก.ไก่ล้านตัว) เพราะในกลุ่มมีแต่คนเก่งๆ มีทั้งเพื่อนคนอินเดียที่มีประสบการณ์ด้าน marketing มากกว่า 15 ปี เพื่อนนอร์เวย์ที่ได้รางวัลโปรเจกต์งาน marketing จากประเทศตัวเอง เพื่อนออสซี่และเพื่อนอินโดนีเซียที่จบตรี marketing แล้วก็ต่อโท IMC ทฤษฎีแน่นเป๊ะ เราก็รู้สึกว่าเราเป็นหลุมดำนะ แต่เราก็ช่วยเพื่อนเต็มที่ แสดงให้เขาเห็นว่าเราไม่เก่งแต่เราพยายามเต็มที่ จนสุดท้ายรอดมาได้สวยๆ (ขอบคุณเพื่อนๆ ด้วยค่ะ ฮ่าๆ)

 

 

Thai WAH Club : ระหว่างเรียนได้ทำงานเสริมที่ร้านอาหารญี่ปุ่นด้วย คุณมะปรางได้งานนี้จากที่ไหน สมัครยังไงบ้างคะ

      จะบอกว่าโชคดีอีกแล้ว (มากับดวงตลอด) มะปรางเคยทำงานนวดมาก่อนค่ะ ช่วงไปบริสเบนแรกๆก็ทำงานนวดแต่เรารู้สึกว่าทำไมเราต้องเอาตัวเองมาอยู่แต่กับคนไทยตลอดเวลาทั้งๆ ที่เรามาที่นี่เพื่อเรียน เพื่อได้ภาษา เลยตัดสินใจลาออก บวกกับรุ่นพี่น้องที่เรียนด้วยกันที่ QUT เขากำลังจะลาออกจากร้านนั้นเพื่อกลับไทย น้องเขาเลยบอกให้เราลองไปสมัครดูค่ะ 

     ก็ไปยื่นเรซูเม่เลย ต่อมาเขาก็นัดมาสัมภาษณ์และก็ทดลองงาน แล้วเขาก็รับเลยค่ะ อาจจะด้วยบุคลิกของเราดูเป็นคนเฮฮา เข้ากับคนอื่นง่าย เรียนรู้เร็วมั้งคะ เลยได้งานนี้ อันนี้ไม่เคยถามเมเนเจอร์นะคะ คิดเองคนเดียว ฮ่าๆ

 

Thai WAH Club : คุณมะปรางมีตำแหน่งหน้าที่อย่างไรในร้านอาหารบ้างคะ แล้วงานที่ทำมีส่วนช่วยต่อการเรียนหรือการใช้ชีวิตในออสเตรเลียของเราอย่างไรบ้างคะ

     ที่ร้านจะมี 2 โซนค่ะ ฝั่ง sushi train กับ ฝั่ง a la cart เริ่มแรกที่ไปอยู่ sushi train ก่อน เพราะไม่เน้น take order มาก พอทำ sushi train ได้ซักพักใหญ่ๆ ก็ถูกให้ไปทำฝั่ง a la cart ค่ะ เพราะเราเริ่มรู้จักเมนูและคุ้นเคยกับงานมากขึ้นด้วย พอรู้จักการทำงานในร้านมากขึ้น รับผิดชอบแก้ไขปัญหาได้มากขึ้น เราก็ทำหลายอย่างเลยค่ะทีนี้ โชคดีที่พนักงานหน้าร้านอย่างเราก็อยู่แต่หน้าร้านอย่างเดียว ไม่ต้องไปวุ่นวายในครัวหรือไปล้างจาน แต่ก็ต้องมีทำเครื่องดื่มบ้าง

     การทำงานมันช่วยให้เรามีความรับผิดชอบมากขึ้นนะ โดยเฉพาะถ้าเราเรียนไปด้วยทำงานไปด้วย เพราะมะปรางไมได้ขอเงินค่ากินค่าอยู่จากที่บ้านเลยค่ะ ขอมาแค่ค่าเทอมอย่างเดียว มันเลยฝึกให้เราเป็นคนบริหารเวลากับรับผิดชอบมากขึ้น 

     อีกอย่างมันทำให้เรามีเพื่อนในสังคมที่หลากหลายออกไปด้วยค่ะ มะปรางมองว่าการมาอยู่ออสเตรเลีย การมีคนรู้จักหรือคอนเนคชั่นก็สำคัญไม่แพ้กับอยู่ไทยนะ ยิ่งเรารู้จักคนที่หลากหลายกันออกไป มันยิ่งช่วยเปิดโอกาสเรื่องอื่นๆ ให้เราด้วย ตอนแรกมะปรางก็ไม่ได้เห็นความสำคัญของเรื่องนี้มากนักเท่าไหร่ จนกระทั่งได้งานที่ออสเตรเลียหลังจากเรียนจบนี่แหละ

 

 

Thai WAH Club : มีวิธีแบ่งเวลาทั้งทำงานไปด้วย เรียนไปด้วยยังไงบ้างคะ

     เอาจริงๆ มันไม่ยากนะ เพราะแต่ละวิชาที่เราเรียน เราจะรู้ตั้งแต่ต้นเทอมเลยค่ะว่า assignment แต่ละตัวต้องทำอะไรและส่งวีคไหนบ้าง เราจะต้องรู้ตัวเราอยู่แล้วว่าถ้างาน 1500 words เราจะใช้เวลากี่วันในการทำ เราก็จะวางแผนได้เลยค่ะว่า เราต้องเริ่มทำวันไหน และต้องทำให้ได้อย่างน้อยวันละกี่คำ และก็จะมีสมุด planner ไว้จดสิ่งที่จะต้องทำในแต่ละวีค กับกระดานดำอันเล็กๆ จากร้าน Typo ไว้จดว่าในเทอมนี้มีงานอะไร ส่งวันที่เท่าไหร่ อะไรงี้อ่ะค่ะ เทอมแรกค่อนข้างมีปัญหานะ เพราะยังไม่รู้ตัวเอง ยัง manage เวลาไม่ได้ เพิ่งมาปรับได้ก็ตอนเทอม 3 

 

Thai WAH Club : นอกจากทำงานที่ร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว คุณมะปรางยังเคยเป็น volunteer งาน Thai Festival ด้วย คุณมะปรางได้ทำงานหรือช่วยอะไรภายในงาน Thai Festival บ้างคะ

     งานก็มีหลายๆ ส่วนนะคะ แล้วแต่ว่าใคร happy ทำกับฝ่ายไหน ในงานจะมีทั้งขายของกิน ซุ้มน้ำ ซุ้มอาหาร หรือดูแล stage แต่เพราะมะปรางมี RSA Certificate (Responsible Service of Alcohol) ตั้งแต่ทำตอนทำร้านอาหารญี่ปุ่น ในขณะที่น้องๆ คนอื่นๆ ไม่มี เขาเลยไม่สามารถอยู่ซุ้มขายเบียร์ได้ นี่เลยอยู่ซุ้มขายเบียร์ (หวานหมูเลย) งานสนุกมากค่ะ สิ่งที่ต้องทำไม่มีอะไรมาก แต่ที่ได้คือความสนุก ได้เพื่อนค่ะ

 

 

Thai WAH Club : อีกคำถามที่สำคัญสำหรับการไปเรียนต่างประเทศ คุณมะปรางปรับตัวสำหรับการใช้ชีวิตในออสเตรเลียอย่างไรบ้างคะ

     ของมะปรางอาจจะมีปรับนิดหน่อยค่ะ โดยส่วนตัวเป็นคนปรับตัวง่ายอยู่แล้ว และก็ชอบลักษณะการใช้ชีวิตของคนที่นี่อยู่แล้วด้วย แต่สิ่งที่ต้องปรับอาจจะคือเรื่องภาษา เราไม่ค่อยคุ้นกับสำเนียงออสซี่ ก็ต้องฟังดีๆ ไม่ก็ขอให้เขาพูดช้าๆ มะปรางไม่กลัวที่จะถาม ไม่กลัวที่จะสงสัยค่ะ มะปรางคิดเสมอว่า ขนาดเราอยู่เมืองไทย ภาษาไทยบางคำเรายังไม่เข้าใจเลย ฉะนั้นคงไม่แปลกถ้าเราจะไม่เข้าใจ 100% ในสิ่งที่เขาพูด 

     อย่างตอนนี้มีงานทำที่บริสเบน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าภาษาอังกฤษมะปรางจะเก่งนะ บาง product หรือการใช้คำศัพท์บางคำลูกค้ายังเป็นคนสอนเราเลยว่า มันคืออะไร เรียกว่าอะไร แล้วใช้ยังไง .. ไม่รู้แล้วถาม ดีกว่าไม่รู้แล้วแกล้งว่ารู้ เนาะ

 

Thai WAH Club : เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ ขำๆ ในออสเตรเลียอยากเอามาเล่าให้ฟังกันไหมคะ

     เรื่องหน้าแตกล่าสุดนี้เลย ไปกิน Breakfast กับพี่ในทีมที่ร้านคาเฟ่ของลูกค้า เราเองก็อยากจะขาย product เราเนาะ เลยถามว่า นี่ไม่เห็นยูใช้เบคอนจากเราเลย ไม่สนใจบ้างเหรอ ลูกค้าตอบมา ไม่ใช้อ่ะ ไอใช้แต่ ... เราฟังเสียงเหมือนเค้าพูดว่า Salmon เราเลย อ๋อออ ใช้แต่ Salmon แต่ก็เห็นยูใช้เบคอนอยู่นะ ลูกค้าก็มองหน้าเรางงๆ จนกระทั่งคนในทีมที่ไปด้วยกันสะกิดแล้วบอกว่า เค้าไม่ได้พูดว่า Salmon เขาพูดว่า Zammit มันเป็นแบรนด์ นี่เลยเงิบ หน้าแตกต่อหน้าลูกค้า สำหรับเราก็เสียงมันคล้ายๆ กันอ่ะเวลาเขาออกเสียง

 

 

Thai WAH Club : การไปเรียนที่ QUT ให้อะไรกับเราบ้าง และช่วยฝากอะไรถึงคนที่อยากไปเรียนที่ QUT หน่อยค่ะ

     การเรียนใน QUT ให้ประสบความสำเร็จคือการเรียนแล้วนำไปใช้ ทั้งในชีวิตประจำวันและในการทำงาน QUT ไม่ใช่ที่ที่จะสอนแบบทฤษฎีแต่สอนเพื่อการทำงานเป็นทีม ร่วมกับคนอื่น และความรับผิดชอบต่องานที่ทำ ฉะนั้นสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่ได้รับจาก QUT 

 

     สำหรับใครที่อยากไปเรียนที่ QUT บ้างสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมงาน “English language and academic pathway with QUTIC 2019” พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตัวแทนจาก QUTIC สถาบันภาษาของ QUT ที่จะมาตอบทุกคำถามในการไปเรียนภาษา หรือสามารถเข้ามาคุยเกี่ยวกับ QUT กับทีมของ Beyond Study ได้เช่นกัน

คลิ๊กลงทะเบียน >> https://goo.gl/forms/7qY3OfccbUuAX3a22